She-Hulk Attorney at Law ถึงเวลา “ฮัลค์สาว” ออกโรงกันบ้างแล้ว

She – Hulk Attorney at Law ได้ฤกษ์เปิดอย่างเป็นทางการไปเรียบร้อยแล้ว จัดเป็นซีรีส์อีกหนึ่งเรื่องในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลที่น่าติดตาม และไม่ได้มีแค่เนื้อหาบู๊ต่อสู้แบบดุเดือดเท่านั้น แต่ยังแฝงความฮาเอาไว้ด้วย โดยในเรื่องนี้ได้ ทาเทียนา มาสลานี (Tatiana Maslany) มารับเป็น “เจนนิเฟอร์  วอลเธอร์ส” ตัวเอกของเรื่อง เธอเป็นทนายสาวที่มีความมั่นใจสูงและเอาแต่ใจสุดๆ แต่แล้วอยู่ๆ เธอกับต้องมารับพลังบางอย่างจาก บรูซ แบนเนอร์ (มาร์ค รัฟฟาโล) ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอ ที่ทั้งคู่พอกลายเป็นมนุษย์ตัวเขียวก็ดูจะเล่นเข้าขาขากันได้ดีมาก แต่ถ้าใครเคยดูฮัคส์ ผู้ชาย ในช่วงแรกๆ ที่เขากลายร่างจะควบคุมตัวเองไม่ได้ และจะจำใครไม่ค่อยได้ ซึ่งก็ผิดกับฮัคส์ สาวซึ่งดูไปแล้วเธอจะสามารถควบคุมพลังต่างๆ ได้ดีในเวลาอันรวดเร็ว

ภาพจาก sanook.com

ต้องบอกว่าจริงๆ แล้ว เจนนิเฟอร์  วอลเธอร์ส เธอปรากฏตัวครั้งแรกในฉบับคอมมิก เมื่อตอนปี 1980 ที่มีชื่อว่า The Savage She-Hulk No.1 ซึ่งในตอนนั้นเธอได้รับการถ่ายเลือดจากบรูซ ทำให้เธอได้รับพิษของรังสีแกมมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะรังสีถูกถ่ายทอดมาพร้อมกับเลือดที่เธอได้รับนั่นเอง เธอจึงกลายเป็นฮัคส์หญิงในเวลาต่อมา แต่ในเรื่องนี้เริ่มต้นเรื่องราวจะกล่าวถึง “เจนนิเฟอร์ วอลเตอร์ส” ทนายสาวสุดเก่งเธอเป็นลูกพี่ลูกน้องกับ “บรูซ แบนเนอร์” ฮัคส์ตัวเขียวผู้ชาย เจนนิเฟอร์เป็น เวิร์คกิ้งวูแมนที่กำลังก้าวหน้าในอาชีพการงาน มีชีวิตปกติทั่วไปตามสไตล์สาวออฟฟิศ กลางวันทำงานกลางคืนสังสรรค์ และเป็นสาวโสดที่มีงานอดิเรกคือการหาคู่เดทที่ถูกสเปคผ่านแอป แต่อยู่ๆ วันหนึ่งชีวิตกลับเหมือนเปลี่ยนรูปแบบไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อเธอดันกลายร่างเป็นสาวตัวเขียวที่มีความสูงเกือบ 2 เมตร และมีพลังเช่นเดียวกับฮัคส์ ทำให้เจนนิเฟอร์ต้องแบกรับทั้งชีวิตการทำงานและชีวิตฮีโร่ ทีบรูซมักจะพูดกรอกหูเสมอว่าเป็นสิ่งที่เธอหลีกเลี่ยงไม่ได้

ภาพจาก sanook.com

โดยซีรีย์ She-Hulk: Attorney at Law ได้ แคท โคโร (Kat Coiro) และ อนู วาเลีย (Anu Valia) มาเป็นผู้กำกับ ที่ทั้งคู่เคยกำกับซีรส์เรื่อง Shameless และ Mixed-ish มาแล้ว และได้ Rick and Morty มาเป็นโปรดิวเซอร์ มี เจสซิกา เกา (Jessica Gao) เป็นผู้เขียนบท นำแสดงโดย ทาเทียน่า มาสลานี่ (Tatiana Maslany) ในบทเจนนิเฟอร์ วอลเตอร์ส เริ่มตรีมครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา สำหรับในซีรีย์เจนนิเฟอร์จะไม่ได้รับพลังรังสีแกมมาจากฮัคส์โดยการถ่ายเลือดเหมือนอย่างที่เราเข้าใจ แต่จะได้มาอย่างไรนั้นใครสนใจต้องเข้ามาติดตามกันเองจะมีเฉลยกันตั้งแต่ใน EP แรก ใครชอบดูหนังสไตล์นี้ต้องบอกว่า She-Hulk: Attorney at Law เป็นอีกเรื่องที่น่าติดตาม

#ซีรี่ย์เกาหลี #netflix #ซีรี่ย์จีน

Samaritan ซูเปอร์ฮีโร่ที่ต้องการเกษียณตัวเองและใช้ชีวิตอย่างสงบ

Samaritan ซูเปอร์ฮีโร่ที่ดูแล้วอาจจะไม่แน่ใจว่าเขามีพลังพิเศษมาจากไหน หนังอาจต้องการให้เป็นปริศนาเพื่อคนดูจะได้พยายามค้นหาและติดตามตอนต่อไป ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานการกำกับของ จูเลียส เอเวอรี (Julius Avery) ผู้ที่เคยกำลังภาพยนตร์เรื่อง Overlord (2018) หนังซ้อมบี้นาซีสุดโหดมาแล้ว และได้ บราจี เอฟ. ชูต (Bragi F. Schut) เป็นผู้เขียนบท โดยภาพยนตร์ดัดแปลงมาจากนิยายภาพที่เขียนขึ้นในช่วงปี 2014

ภาพปกจาก redcarpetreporttv.com

หนังจะดำเนินเรื่องโดยผ่านเด็กชายคนหนึ่งที่มีชื่อว่า แซม เคลียร์รี หนุ่มน้อยวัย 13 ปี (รับบทโดย เจวอน ‘วอนนา’ วอลตัน (Javon ‘Wanna’ Walton) ซึ่งเขาเป็นแฟนตัวยงของยอดมนุษย์ฝาแฝดที่มีชื่อว่า ซามาริทัน และ เนเมซิส สองพี่น้องฝาแฝดที่มีพลังพิเศษ ซึ่งหลายคนเชื่อว่าทั้งคู่เสียชีวิตไปแล้วจากระเบิดเนเมซิส เมื่อ 25 ปีก่อน ซึ่งซามาริทันเป็นเหมือนศาลเตี้ยที่คอยช่วยเหลือผู้คนที่อาศัยอยู่ใน Granite City แต่เขาถูกรายงานว่าเสียชีวิตไปแล้วในการสู้รบอย่างดุเดือดกับ เนเมซิส น้องชายฝาแฝดของเขา และคนในเมืองต่างเชื่อว่าเขาเสียชีวิตแล้วในกองไฟพร้อมกับน้องชาย แต่บางส่วนก็ยังหวังว่าเขายังมีชีวิตอยู่ แล้วสักวันหนึ่งจะกลับมาช่วยเหลือผู้คนในเมืองอีกครั้ง

ภาพจาก cineserie.com

รวมทั้งแซมที่ยังเชื่อว่าฝาแฝดยังไม่ตาย แต่แอบซ่อนอยู่ที่ใดที่หนึ่งบนโลกใบนี้ และแซมก็สงสัยว่าชายชราเก็บขยะที่มีชื่อว่า โจ (รับบทโดยซิลเวสเตอร์ สตอลโลน / Sylvester Stallone) ยอดนักบู๊ที่มีผลงานโด่งดังหลายเรื่อง ถึงแม้ว่าเขาจะมีอายุเพิ่มมากขึ้น แต่ฝีไม้รายมือในการแสดงโดยเฉพาะบทบู๊แนวแอ็กชันก็ยังแสดงได้ดีไม่เปลี่ยนแปลง

โดยโจอาศัยอยู่ตรงข้ามกับอพาร์ตเมนต์ของแซม เป็นคนที่น่าสงสัยที่สุด และแซมเชื่อว่าโจอาจเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่หายสาบสูญไปก็เป็นได้ จึงมักแอบติดตามดูโจอยู่เสมอ แต่โจยืนยันหนักแน่นว่าเขาไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโร่ แต่เป็นชายชราที่แก่แล้ว แต่แซมก็ยังไม่ละความพยายามยังคงติดตาม และพยายามพิสูจน์ให้ได้ว่าโจเป็นซูเปอร์ฮีโร่หรือเป็นเพียงชายชราที่ต้องการใช้ชีวิตในวัยชราอย่างสันโดษกันแน่ จนวันหนึ่งแซมเกิดมีเรื่องกับอันธพาลเจ้าถิ่นและถูกทุบตี โจได้เข้ามาช่วยให้เข้ารอดพ้นอันตรายมาได้ ยิ่งทำให้แซมปักใจเชื่อว่าโจคือคนที่เขาค้นหามาตลอด และยังขอให้โจรับเขาไว้เป็นศิษย์เพื่อสอนวิธีการต่อสู้อีกด้วย

ภาพจาก elespoiler.com

สุดท้ายแล้วนอกจากโจจะใช้ซูเปอร์ฮีโร่ที่แซมตามหาอยู่หรือไม่ ใครสนใจภาพยนตร์แนวนี้ก็ไปติดตามชมกันต่อได้เลย หรือใครที่เคยเป็นแฟนหนังของ ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน มานานแล้ว บอกเลยต้องห้ามพลาด

#ซีรี่ย์เกาหลี #netflix #ซีรี่ย์จีน

“I am Groot” การ์ตูนแก๊กสั้นสำหรับผู้ที่ชื่นชอบ “กรูท”  โดยเฉพาะ

“I am Groot” (ข้าคือกรูท) เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันตอนสั้นๆ มีทั้งหมด 5 ตอน แถมแต่ละตอนยังใช้เวลาไม่นาน จริงๆ สามารถรวมกันเป็นเรื่องเดียวกันได้เลย แต่ทางผู้สร้างคงมีเหตุผลหรืออยากให้เราติดตามเป็นตอนๆ เลยแยกย่อยออกมามากถึง 5 ตอน โดยในเรื่อง กรูท ก็ไม่ได้พูดอะไรมากนอกจากคำว่า “I am Groot” แต่หนังก็ยังน่าดู เหมาะสำหรับใครที่อยากดูอะไรแบบสบายๆ เบาสมอง ไม่เครียด หรือหาหนังดูค่าเวลา รวมไปถึงใครที่เคยชื่นชอบเจ้ากรูทหนึ่งในตัวละครของจักรวาลมาเวล (MCU) มาก่อนหน้านี้แล้ว ด้วยความน่ารักตะมุตะมิ ก็มาดูซีรีส์ให้หายคิดถึงกันไปก่อน โดยกรูทจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนดาวแพลเน็ต เอ็กซ์ (Planet X) เขาใช้ชีวิตโดยการสังเคราะห์แสงจากดวงอาทิตย์เหมือนต้นไม้ทั่วไป ก็เพราะจริงๆ แล้วเขาก็คือต้นไม้นั่นเอง แต่จะมีความสามารถมากกว่า

ภาพปกจาก theallapps.com

โดยที่ผ่านมา วิน ดีเซล (Vin Diesel) จะเป็นผู้ภาคเสียงของกรูทและในแอนิเมชันซีรีส์ขนาดสั้น 5 ตอนนี้ก็ยังคงเป็น วิน ดีเซลเป็นผู้พากษ์เสียงอีกเช่นกัน โดยแต่ละตอนจะมีความยาวเพียง 5 นาที และแบ่งเป็นชื่อตอนต่างๆ ได้แก่ ตอนแรก Groot’s First Steps, ตอนที่สอง The Little Guy, ตอนที่สาม Groot’s Pursuit, ตอนที่สี่ Groot Takes a Bath และ ตอนที่ห้า Magnum Opus ซึ่งแต่ละตอนจะเป็นเหมือนการใช้ชีวิตในแต่ละวันของกรูทในขณะที่อาศัยอยู่บนดวงดาว และยังไม่มีภารกิจหรือหน้าที่อะไรจะต้องไปทำ

ภาพจาก brighttv.co.th

ภาพยนตร์ดูเหมือนไม่มีอะไรมากทั้งเรื่องราวต่างๆ แถมยังไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกันดูตลอดทั้งเรื่องเราจะได้ยินกรูทพูดเพียง 3 คำ นั่นก็คือ “‘I am Groot” เพียงเท่านั้น แต่กลับเป็นซีรีส์ที่ได้รับความสนใจพอสมควรเลยทีเดียว จะพูดได้ว่าประสบความสำเร็จก็ว่าได้ เพราะได้รับคะแนนจาก IMDb มากถึง 7.1/10 เรียกได้ว่าเป็นหนังดีที่น่าดู ไม่เพียงเท่านั้น “กรูท” ตัวน้อยยังเป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ ชาวไทยเป็นจำนวนมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มีซีรีส์ออกมาเป็นของตัวเองแบบนี้รับรองได้เลยว่าผลตอบรับดีเกินความคาดหมายอย่างแน่นอน

ภาพจาก th.jugomobile.com

สรุปก็คือใครที่ชื่นชอบเจ้ากรูทมนุษย์ต้นไม้ตัวจิ๋วกันอยู่แล้ว รวมทั้งกำลังมองหาหนังที่ดูเพลินๆ ค่าเวลาหรือคลายเครียดเรื่องนี้ก็ใช่เลย เพราะซีรีส์ 5 ตอนสั้น ไม่ได้มีเนื้อหาอะไรมากเน้นที่ความสนุกสนานเสียมากกว่า โดยมีกรูทเป็นคนนำเรื่องเป็นภาพยนตร์ที่เหมาะสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะเด็กๆ เชื่อหากได้ชม “I am Groot” จะต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน ซึ่งท่านใดสนใจสามารถรับชม “I Am Groot” ได้แล้ววันนี้ที่ Disney+ Hotstar

#ซีรี่ย์เกาหลี #netflix #ซีรี่ย์จีน #Disney+ Hotstar #I Am Groot

Look Both Ways เมื่อชีวิตมักมีสองทางเลือกเสมอ

Look Both Ways (2022) สองทาง เป็นภาพยนตร์แนวดราม่าที่ได้ดาราสาว ลิลี่ ไรน์ฮาร์ต (Lili Reinhart) หรือเบ็ตตี้ คูเปอร์จากซีรีส์สุดฮิต Riverdale (ริเวอร์เดล) มาเป็นนักแสดงนำร่วมกับสองหนุ่ม แดนนี่ รามิเรซ (Danny Ramirez) จาก ท็อปกัน: มาเวอริค (Top Gun: Maverick 2022) และ เดวิด คอเรนสเว็ต (David Corenswet) จาก ฮอลลีวูด (Hollywood 2020) เรื่องนี้จะบอกเล่าเรื่องราวของนักศึกษาสาวที่เธอได้วางแผนชีวิตล่วงหน้าของเธอไว้แล้วในอีกห้าปีข้างหน้า แต่กลับเกิดความผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อเธอรู้ตัวว่าตัวเองท้องในวันจบการศึกษากับเพื่อนสนิทของเธอเอง ทำให้เธอต้องเลือกระหว่างความฝันที่ตั้งใจไว้เกี่ยวกับอนาคตของเธอ กับ ชีวิตของลูกน้อยที่กำลังจะเกิด

ภาพจาก seriesmy.com

หนังจะบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของ นาตาลี เบนเน็ต หรือแนต (รับบทโดย ลิลี่ ไรน์ฮาร์ต) นักศึกษาสาขาอนิเมชั่นจากมหาวิทยาลัยเท็กซัส เธอวางแผนไว้ว่าหลังเรียนจบจะเดินทางไปอยู่แอลเอ เพื่อเริ่มอาชีพในฝันคือการเป็นนักสร้างภาพยนตร์อนิเมชั่นที่มีชื่อเสียง แต่ในวันฉลองเรียนจบเธอรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่และสงสัยว่าตัวเองกำลังตั้งท้องกับเพื่อนชายคนสนิทที่ชื่อว่า เก๊บ (รับบทโดย แดนนี่ รามิเรซ) นักดนตรีมือกลองที่กำลังวิ่งตามความฝันของตนเองเช่นกัน หากแนตเกิดท้องขึ้นมาทั้งคู่อาจต้องยุติความฝันของตัวเอง แต่ถ้าเธอไม่ได้ท้องทุกอย่างจะดำเนินไปเช่นเดิม หนังจะแสดงให้เราดูถึงทั้งสองทางเลือกของแนต ว่าถ้าเธอท้องชีวิตของเธอจะดำเนินไปอย่างไรในฐานะคุณแม่ที่มีเพื่อนสนิทเป็นพ่อของลูกในท้อง รวมทั้งหากเธอไม่ได้ตั้งท้องชีวิตใหม่ในแอลเอของเธอจะดำเนินไปเช่นไร

ภาพจาก whats-on-netflix.com

สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานกำกับของ วานูรี คาฮิว ผู้กำกับหญิงชาวเคนยา เจ้าของผลงานเรื่อง Rafiki (2017) ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของเคนยาที่ได้เข้าฉายในงานเทศกาลหนังเมืองคานส์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังแสดงให้เราเห็นถึงเส้นทางชีวิตที่มักจะมีสองทางเลือกเสมอ ที่สำคัญเราก็มักจะเลือกไม่ถูกว่าควรไปทางไหนถึงจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของเราเอง หลายคนเลือกทำตามความฝัน แต่ถ้ามีสิ่งมาสะดุดความฝันของคุณและเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตเสียด้วย คุณก็คงอยากรู้ว่าถ้าเราเดินตามทางใหม่ชีวิตจะเป็นอย่างไร แต่เรื่องราวในหนังอาจจะไม่ใช่สูตรสำเร็จเสมอไปว่าในชีวิตจริงจะเป็นรูปแบบนั้นเสมอไป เพราะในเรื่องดูเหมือนตัวเอกจะแฮปปี้ทั้งสองทางเลือก ถึงแม้ว่าในช่วงเริ่มต้นจะมีอุปสรรคเกิดขึ้นบ้างก็ตาม โดยหนังจะบอกเป็นนัยๆ ว่า ไม่ว่าคุณจะเลือกทางไหนจงทำให้ดีที่สุด แล้วผลลัพธ์ก็จะออกมาดีไปด้วยเช่นกัน

#Look Both Ways #หนังรักน่าดู #หนังดราม่า

Mark Ruffalo เผย ‘คุณจะได้ชม’Star Wars’เวอร์ชันเดียว’ ทุกครั้ง แต่ไม่ใช่กับ MCU

มีภาพยนตร์และรายการทีวีของ Marvel มากเกินไปหรือไม่? Damon Lindelof นักวิ่งโชว์ “Lost” และ “Watchmen” กล่าวเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่าเขาต้องการดูหนังของ Marvel น้อยลงเพื่อให้ “แต่ละเรื่องที่พิเศษขึ้นอีกนิด” Mark Ruffalo นักแสดงในบทบาทของบรูซ แบนเนอร์ใน “She-Hulk: Attorney at Law” หนึ่งในซีรีส์ทางโทรทัศน์ของ MCU เกือบโหลที่เปิดตัวบน Disney+ ในเวลาไม่ถึงสองปี Mark Ruffalo ไม่คิดว่าผลงานของ Marvel จะต้องต่อยอด

“ไม่ใช่สิ่งที่ผมกังวล” Mark Ruffalo กล่าวเมื่อถูกถามโดย  Metro.co.ukว่ามีเนื้อหา Marvel มากเกินไปหรือไม่ “ผมเข้าใจดีว่าสิ่งเหล่านี้ดำเนินไปตามวิถีของมัน และหลังจากนั้นก็มีสิ่งอื่นตามมา แต่สิ่งที่ Marvel ทำได้ดีก็คือ ภายใน MCU เช่นเดียวกับที่พวกเขาทำกับหนังสือการ์ตูน พวกเขาปล่อยให้ผู้กำกับหรือนักแสดงสร้างผลงานแต่ละชิ้นขึ้นใหม่ตามสไตล์ของตนเอง ความคล้ายคลึงกัน โดยทั่วไปแล้ว Marvel จะปล่อยให้พวกเขานำสิ่งนั้นมาสู่เนื้อหา”

เพื่อพิสูจน์ประเด็นของเขา รัฟฟาโลได้แสดงเงาเล็กน้อยให้กับจักรวาล ‘Star Wars’ นักแสดงกล่าวว่า “ถ้าคุณดู ‘Star Wars’ คุณเกือบจะได้ ‘Star Wars’ เวอร์ชันเดียวกันทุกครั้ง มันอาจจะมีอารมณ์ขันเล็กน้อย มันอาจมีแอนิเมชั่นที่แตกต่างกันเล็กน้อย แต่คุณมักจะอยู่ในโลกแบบนั้นจริงๆ แต่ด้วย Marvel คุณสามารถมีความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง แม้กระทั่งภายในจักรวาลของ Marvel”

She-Hulk: Attorney at Law” จาก Mark Ruffalo เปิดตัวเมื่อวันที่ 18 สิงหาคมทาง Disney+

Marvel ได้เปิดตัวภาพยนตร์สองเรื่องในปีนี้ (“Doctor Strange in the Multiverse of Madness” และ “Thor: Love and Thunder”) โดยมีภาพยนตร์เรื่องที่สามและเรื่องสุดท้าย “Black Panther: Wakanda Forever” กำหนดฉาย 11 พ.ย. “She-Hulk: Attorney at Law” ที่นำแสดงโดยรัฟฟาโลถือเป็นซีรีส์เรื่องที่สามของมาร์เวลแห่งปี และยังคงมี “ผู้พิทักษ์จักรวาลแห่งกาแล็กซี่พิเศษ” ที่จะมาถึง นั่นคือเจ็ดรายการ Marvel ที่แตกต่างกันในหนึ่งปี

ในปี 2023 มาร์เวลมีภาพยนตร์ 4 เรื่องที่จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ได้แก่ “Ant-Man and the Wasp: Quantumania” และ “Blade” และอาจมีซีรีส์ของ Marvel อีก 6 เรื่องขึ้นไปในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา รวมถึง “Secret Invasion” ” และ “Loki” ซีซั่น 2

ผลงานของ Marvel จะไม่ช้าลงในเร็วๆ นี้ ปีนี้ได้เห็นการเปิดตัวของภาพยนตร์ Marvel สองเรื่องแล้ว (“Doctor Strange in the Multiverse of Madness” และ “Thor: Love and Thunder”) หนังมาร์เวลเรื่องที่สามและครั้งสุดท้ายของปี 2022 จะมาถึงในเดือนพฤศจิกายนด้วยการเปิดตัว “Black Panther: Wakanda Forever” ทางโทรทัศน์ การเปิดตัว “She-Hulk: Attorney at Law” เมื่อวันที่ 18 ส.ค. ถือเป็นซีรีส์เรื่องที่สามของ Marvel แห่งปี และยังคงมี “Guardians of the Galaxy Holiday Special” ที่จะมาถึง นั่นทำให้ Marvel เจ็ดรายการที่แตกต่างกันในหนึ่งปี

เครดิตรูปภาพ variety.com

#ซีรี่ย์เกาหลี #netflix #ซีรี่ย์จีน #คุยข่าวหนัง

‘She-Hulk’ เลื่อนวันฉายรอบปฐมทัศน์ที่ Disney+

She-Hulk: Attorney at Law” กำลังเลื่อนวันฉายรอบปฐมทัศน์ที่ Disney+ โดยการแสดง Marvel Studios จะเปิดตัวในวันพฤหัสบดีที่ 18 ส.ค. แทนที่จะเป็น 17 ส.ค. ตามที่ประกาศในตอนแรก ตอนใหม่ของซีรีส์เก้าตอนจะลงทุกสัปดาห์ในวันพฤหัสบดีหลังจากนั้น Tatiana Maslany รับบทเป็นฮีโร่และนักกฎหมาย โดยมี Mark Ruffalo, Tim Roth, Benedict Wong, Ginger Gonzaga, Josh Segarra, Jameela Jamil, Jon Bass และ Renée Elise Goldsberry ปรากฏตัวในซีรีส์She-Hulk: Attorney at Law” นี้ด้วย

นอกจากนี้ มีการประกาศว่าซีซันที่ 31 ของซีรีส์การแข่งขัน “Dancing With the Stars” จะเปิดตัว Disney+ ในวันที่ 19 กันยายน และได้รับการเปิดเผยครั้งแรกในเดือนเมษายนว่ารายการที่มีมายาวนานจะออกจาก ABC เพื่อสนับสนุนการสตรีม แพลตฟอร์ม. Tyra Banks และ Alfonso Ribeiro จะเป็นเจ้าภาพโดยมีคณะกรรมการตัดสินซึ่งประกอบด้วย Len Goodman, Carrie Ann Inaba, Bruno Tonioli และ Derek Hough

มีการประกาศว่าซีซัน 2 ของ “The Mighty Ducks: Game Changers” จะเปิดตัวในวันที่ 28 กันยายน ในฤดูกาลใหม่ ทีมและโค้ชของพวกเขา อเล็กซ์ มอร์โรว์ (ลอเรน เกรแฮม) ออกเดินทางเพื่อเข้าร่วมสถาบันฮ็อกกี้ภาคฤดูร้อนที่เข้มข้นใน แคลิฟอร์เนียดำเนินการโดย Colin Cole (Josh Duhamel) อดีตผู้เล่น NHL ที่มีเสน่ห์แต่ไม่ยอมใครง่ายๆ เป็นสถานที่สำหรับเด็กที่จะเล่นฮอกกี้ได้อย่างยอดเยี่ยมโดยไม่ต้องไปโรงเรียน

ค้นหาวันฉายรอบปฐมทัศน์เพิ่มเติมนอกจาก She-Hulk: Attorney at Law” ได้ที่นี่

8 กันยายน – “Growing Up” (รอบปฐมทัศน์ของ Disney+ Day)

สร้างโดย Brie Larson และ Culture.House “Growing Up” เป็นซีรีส์สารคดีลูกผสมที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่สำรวจความท้าทาย ชัยชนะ และความซับซ้อนของวัยรุ่นผ่านเรื่องราวอายุที่น่าสนใจสิบเรื่อง ซีรีส์นี้ใช้การเล่าเรื่อง การทดลอง และการสร้างภาพยนตร์สารคดีเพื่อติดตามนักแสดงคนหนึ่งอายุ 18-22 ปี ขณะที่พวกเขาบอกเล่าเรื่องราวของพวกเขา พวกเขาเป็นตัวแทนของประสบการณ์ชีวิตที่หลากหลาย โดยให้การเล่าเรื่องที่มีพลังทางอารมณ์แก่ผู้ชม ซึ่งให้มุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับช่วงวัยรุ่น และอุปสรรคทางสังคม ครอบครัว และภายในอันหลากหลายที่คนหนุ่มสาวเผชิญบนเส้นทางสู่การค้นพบตนเองและการยอมรับ แต่ละตอนความยาว 30 นาทีมีคนหนุ่มสาวหรือ “ฮีโร่” หนึ่งคนและประสบการณ์ของพวกเขาเติบโตขึ้น แต่ละตอนมีบทสัมภาษณ์ส่วนตัวอย่างลึกซึ้งที่ช่วยให้ฮีโร่ของเราสามารถบอกเล่าเรื่องราวในวัยเด็กและวัยรุ่นได้

8 กันยายน – “Epic Adventures with Bertie Gregory” (รอบปฐมทัศน์ Disney+ Day)

ใบหน้าของนักผจญภัยผู้ทะเยอทะยานและผู้สร้างภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติรุ่นใหม่ นักสำรวจเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก เบอร์ตี้ เกรกอรี่ วัย 29 ปี นำผู้ชมไปสู่การเดินทางสุดยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัวที่ผลักดันไปสู่มุมที่น่าตื่นเต้นและลึกลับที่สุดของโลกป่าของเรา ด้วยเทคโนโลยีภาพยนตร์ระดับแนวหน้า ซีรีส์ออริจินัลของ Disney+ “Epic Adventures with Bertie Gregory” จาก National Geographic ทลายรูปแบบของรายการประวัติศาสตร์ธรรมชาติแบบดั้งเดิมด้วยการเล่าเรื่องสัตว์ในชีวิตจริงที่ไม่ธรรมดา และพาผู้ชมไปกับเขาทุกจังหวะ ของการกระทำ เป็นเวลาหลายสัปดาห์ในแต่ละครั้ง ช่างภาพผู้มีเสน่ห์ดึงดูดใจเจ้าของรางวัลบาฟตาอวอร์ด ได้ดำดิ่งเข้าไปในชีวิตของสัตว์ต่างๆ เพื่อบันทึกเรื่องราวที่เล่าขานถึงสิ่งมีชีวิตอันเป็นสัญลักษณ์ซึ่งอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายที่สุดบนโลกของเรา ฤดูกาลนี้, เราจะเห็น Bertie กล้าหาญในโลกน้ำแข็งของแอนตาร์กติกาในการค้นหาการรวมตัวของวาฬที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยถ่ายทำและเผชิญหน้ากับสิงโตล่าควายผู้เชี่ยวชาญในแซมเบีย ในซีรีส์การผจญภัยหลายภาคนี้ เขาจะพาผู้ชมไปสู่การผจญภัยอันทะเยอทะยานทั่วโลก โดยนำเสนอโลกแห่งธรรมชาติในช่วงเวลาที่เผชิญกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

21 กันยายน – “Super/Natural”

อำนวยการสร้างโดย เจมส์ คาเมรอน และบรรยายโดย เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์ นักแสดงผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์® และรางวัลบาฟตา (“Doctor Strange in the Multiverse of Madness,” “Power of the Dog”) ซีรีส์ใหม่นี้จะใช้นวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ล่าสุดและ เทคโนโลยีการสร้างภาพยนตร์ระดับแนวหน้าเพื่อเปิดเผยพลังลับและประสาทสัมผัสพิเศษของสัตว์ที่พิเศษที่สุดในโลก เชิญชวนให้ผู้ชมได้เห็นและได้ยินที่เกินกว่าที่มนุษย์จะรับรู้ได้ ให้สัมผัสโลกธรรมชาติเช่นเดียวกับสายพันธุ์เฉพาะ จากการดูดอกไม้ในการมองเห็นของผึ้ง ไปจนถึง แอบฟังบทสนทนาระหว่างแมวน้ำช้าง ไปจนถึงการทะยานไปตามความยาวของสนามฟุตบอลกับกระรอกเรืองแสงในที่มืด

เครดิตรูปภาพ variety.com

#ซีรี่ย์เกาหลี #netflix #ซีรี่ย์จีน #Disney+

ครีเอเตอร์ ‘Stranger Things’ เผยว่าพวกเขาจะไม่เพิ่มตัวละครใหม่ในซีซันสุดท้าย

Stranger Things 4” พิสูจน์ให้เห็นถึงความขมขื่นสำหรับแฟน ๆ บางคนในการแนะนำแฟนเพลงโปรดอย่างเอ็ดดี้ของโจเซฟ ควินน์ แต่ยังกีดกันตัวละครหลักดั้งเดิมอย่างโจนาธานจากชาร์ลี ฮีตัน ในขณะที่นักแสดงของ Stranger Things เติบโตขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การเล่นปาหี่ตัวละครหลักทุกตัวก็ยากขึ้น ไม่น่าแปลกใจที่ผู้สร้าง Matt และ Russ Duffer กำลังวางแผนที่จะลดการเพิ่มนักแสดงใหม่สำหรับซีซันที่ห้าและสุดท้ายของรายการ

“เรากำลังพยายามอย่างเต็มที่ที่จะต่อต้าน [การเพิ่มตัวละครใหม่] สำหรับซีซั่น 5” Ross Duffer กล่าวกับIndieWire “เรากำลังพยายามที่จะไม่ทำเช่นนั้นเพื่อให้เราสามารถมุ่งเน้นไปที่ตัวละคร OG ฉันเดา”

Duffer Brothers มีทักษะค่อนข้างมากในการแนะนำตัวละครใหม่ ตั้งแต่เปิดตัวซีซันที่สองของ Sadie Sink ไปจนถึง Maya Hawke ใน “Stranger Things 3” และการแสดงในฤดูกาลเดียวอันเป็นที่รักของ Quinn ในบท Eddie ใน “Stranger Things 4”

“เมื่อใดก็ตามที่เราแนะนำตัวละครใหม่ เราต้องการให้แน่ใจว่าพวกเขาจะเป็นส่วนสำคัญของการเล่าเรื่อง” Matt Duffer กล่าว “นั่นคือสิ่งที่ Eddie ในฤดูกาลนี้จะไป ‘เราต้องการตัวละครที่นี่เพื่อให้โครงเรื่องนี้ใช้งานได้จริง และเพื่อให้มันเป็นเครื่องยนต์ที่จำเป็น’ แต่ทุกครั้งที่เราทำอย่างนั้น เรารู้สึกประหม่า เพราะคุณพูดว่า ‘เรามีตัวละครที่ยอดเยี่ยมที่นี่ และนักแสดง และทุกช่วงเวลาที่เราใช้ไปกับตัวละครใหม่ เรากำลังใช้เวลาว่างจาก หนึ่งในนักแสดงคนอื่น ๆ ‘ ดังนั้นเราจึงระมัดระวังอย่างมากเกี่ยวกับผู้ที่เรากำลังแนะนำ”

ไม่นานหลังจากเปิดตัว “Stranger Things 4” ครึ่งแรกได้ไม่นาน Heaton ก็ออกมาพูดถึงแฟน ๆ หลายคนที่รู้สึกว่า Jonathan Byers ตัวละครของเขาถูกกีดกันจากเรื่องราว

“ฉันรู้ว่าทำไมคุณถึงถามแบบนั้น” Heaton บอกกับนิตยสาร GQในเวลานั้น “และฉันก็เคยเห็นฟอรัมอย่างเช่น Screen Rant หรืออะไรทำนองนั้น ‘เกิดอะไรขึ้นกับตัวละครตัวนี้’ มันคือกลุ่มนักแสดง เห็นได้ชัดว่าทุกฤดูกาลมีตัวละครใหม่ ตัวละครที่ยอดเยี่ยม และพวกเขาได้นำเรื่องราวไปยังที่ต่างๆ กัน”

Stranger Things 4” จบลงด้วยนักแสดงทั้งหมดกลับมารวมกันในฉากเดียว ซีซั่นที่ 5 และรอบสุดท้ายของรายการยังไม่มีกำหนดฉายรอบปฐมทัศน์และในตอนนี้ Stranger Things มีผู้ชมถึง 2.9 พันล้านนาทีในช่วงหน้าต่างการรับชม 11-17 กรกฎาคม ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่สองเต็มของฤดูกาลที่ 4 หลังจากที่เล่มที่สองออกมาในวันที่ 1 กรกฎาคม ซีรีส์นี้คว้าอันดับ 1 ได้อย่างง่ายดาย อันดับสตรีมมิ่งของ Nielsen ประจำสัปดาห์ โดยมีจำนวนผู้ชมเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในชาร์ตเพลงถัดไป: ภาพยนตร์แอนิเมชั่นสำหรับเด็กของ Netflix เรื่อง “The Sea Beast” ซึ่งเปิดตัวในสตรีมเมอร์เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม และมีผู้ชมถึง 920 ล้านนาทีในสัปดาห์แรกที่เปิดให้เล่น “Stranger Things” อยู่ในอันดับต้น ๆ ของชาร์ตทุกสัปดาห์ตั้งแต่เปิดตัวซีซั่น 4 เล่มที่ 1 เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ยกเว้นหน้าต่างการรับชมวันที่ 20-26 มิถุนายนที่ “The Umbrella Academy” ครองตำแหน่งนั้นหลังจากรอบปฐมทัศน์ของรอบที่สาม ฤดูกาล. ในช่วงวันที่ 11-17 กรกฎาคม สัปดาห์ที่สามของสัปดาห์เต็ม “The Umbrella Academy” ขึ้นอันดับ 8 ด้วยจำนวนการรับชม 714 ล้านนาที

เครดิตรูปภาพ variety.com

#Stranger Things 4 #ซีรี่ย์เกาหลี #netflix #ซีรี่ย์จีน

รีวิวภาพยนตร์เรื่อง TENET ทะลุเวลาเพื่อกอบกู้โลกอันล่มสลาย

            รีวิวภาพยนตร์เรื่อง TENET ทะลุเวลาเพื่อกอบกู้โลกอันล่มสลาย ผลงานภาพยนตร์ของโนแลนเรื่องนี้เปรียบเสมือนแสงสว่างในโรงภาพยนตร์ ณ ช่วงเวลาที่วิกฤตโควิด-19 ทำให้โรงฉายมีสภาพไม่ต่างจากพื้นที่ร้างแห่งหนึ่งภายในห้างซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียใจ ในขณะเดียวกันการรับชมภาพยนตร์ดังกล่าวในโรงฉายกลายเป็นการเติมน้ำให้จิตใจที่เหี่ยวเฉาจนมีโอกาสลืมเรื่องเครียดไปชั่วเวลาหนึ่งเลย โดยหนึ่งเหตุผลอาจมาจากการดำเนินเรื่องที่แปลกใหม่และไม่ได้พบมาสักพักใหญ่ในวงการภาพยนตร์ ทำให้ผู้ชมต้องติดตามเนื้อเรื่องพร้อมเรียบเรียงเส้นเรื่องผ่านบนสนทนาของตัวละครเป็นสำคัญ

ข้อมูลเบื้องต้น

            สร้างสรรค์โดย Christopher Nolan ฉายครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2020 ระยะเวลา 2 ชั่วโมง 30 นาที โดยมีนักแสดงหลักประกอบด้วย 1. John David Washington (พระเอก) 2. Robert Pattinson (เพื่อนพระเอก) 3. Elizabeth Debicki (นางเอก) 4. Kenneth Branagh (ตัวร้าย) ส่วนคะแนนวิจารณ์จากเว็บไซต์ IMDB ที่ 7.3/10 คะแนน และเว็บไซต์ Rotten Tomatoes ที่ 76 เปอร์เซ็นต์ของคะแนนผู้ชม

เรื่องย่อ

            ณ เวลาหนึ่ง ชายคนหนึ่งเป็นทหารรับจ้างที่กำลังบุกเข้าไปยังโรงอุปรากรเพื่อทำภารกิจอย่างหนึ่ง ไม่ว่าด้วยเหตุผลกลใดชายคนนี้กลับถูกจับมัดตัวและถูกสังหารในทันที ถัดมาอีกช่วงเวลาหนึ่งของชายคนเดียวกันกำลังตามหาต้นตอของเรื่องราวประหลาดที่เกิดกับเขาพร้อมกับเบาะแสอีกมากมายที่พบระหว่างทาง และนำไปสู่เป้าหมายเป็นชายคนหนึ่งนามว่า แอนไดร์ ซาทอน ซึ่งตัวละครเอกเชื่อว่าชายคนดังกล่าวจะทำลายโลกในอนาคตอันใกล้

ความคิดเห็นของผู้เขียน

            ผู้เขียนได้รับกระแสความนิยมของภาพยนตร์เกี่ยวกับวิธีการเล่าเรื่องที่น่าสนใจตั้งแต่ภาพยนตร์เริ่มเข้าใกล้วันฉาย เพราะจุดเด่นของภาพยนตร์ที่เล่นประเด็นของ “เวลา” มักมีเส้นเรื่องที่ค่อนข้างเป็นวงกลมเสมอ แต่จุดต่างคือ “การเดินย้อนหลัง” ที่ถือเป็นการตีความการเดินทางย้อนเวลาได้อย่างน่าสนใจ ทำให้ผู้ชมต้องละทิ้งกฎแห่งเวลาแบบเดิมของโลกภาพยนตร์ไว้และเรียนรู้กฎเฉพาะตัวของเรื่องนี้แทน ในช่วงต้นเรื่องจะไม่มีการเกริ่นข้อมูลใดให้ผู้ชมทราบเกี่ยวกับเหตุการณ์และปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น โดยการเล่าจะเสนอเพียงสิ่งที่ผู้ชมต้องรู้คร่าว ๆ เช่น เกิดการต่อสู้ หรือตัวละครเอกคือใคร หลังจากนั้นเนื้อเรื่องจะพาผู้ชมเรียนรู้โลกอีกฟากหนึ่งพร้อมกับตัวละครเอกเพื่อตอบคำถามว่า ทำไมถึงมีคนกลุ่มหนึ่งที่เคลื่อนที่ย้อนหลังและสวมหน้ากากช่วยหายใจ? ถัดมาในช่วงกลางถึงท้ายเรื่องเป้นช่วงเวลาที่ผู้ชมสามารถประติดประต่อเรื่องราวได้ทุกอย่างอีกครึ่งหนึ่งตามเส้นวงกลมของเรื่อง อย่างไรก็ดี บางประเด็นปัญหาของตัวละครบางตัวผู้เขียนมองว่าเหตุผลยังอ่อนแอเกินกว่าจะสร้างแรงขับให้กระทำการที่รุนแรง

ขอบคุณรูปภาพจาก https://unsplash.com

#ซีรี่ย์เกาหลี #netflix #ซีรี่ย์จีน #รีวิวTENET

รีวิวภาพยนตร์เรื่อง A Quiet Place Part II ความกลัวอันไร้เสียง

            รีวิวภาพยนตร์เรื่อง A Quiet Place Part II ความกลัวอันไร้เสียง ปีค.ศ. 2020 คือช่วงเวลาที่วงการภาพยนตร์ซบเซาอย่างมากทั้งในกลุ่มผู้สร้างหรือโรงฉาย โดยมีภาพยนตร์จำนวนหนึ่งตัดสินใจเปิดฉายในโรงสวนกระแสเพื่อหวังรายได้หรือมอบความสุขให้กับผู้คน อย่างไรก็ดี ผู้คนตัดสินใจเลี่ยงโรงฉายเพื่อหลีกจากความเสี่ยงของโรคที่ไม่เคยรู้จัก อันเป็นเหตุให้ภาพยนตร์คุณภาพหลายเรื่องอาจตกหล่นจากสายตาของผู้ชม

ข้อมูลเบื้องต้น

            สร้างสรรค์โดย John Krasinski ฉายครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2020 ระยะเวลา 1 ชั่วโมง 37 นาที โดยมีนักแสดงหลักประกอบด้วย 1. Emily Blunt รับบท Evelyn Abbott 2. Millicent Simmonds: Regan Abbott 3. Cillian Murphy: Emmett ส่วนคะแนนวิจารณ์จากเว็บไซต์ IMDB ที่ 7.2/10 คะแนน และเว็บไซต์ Rotten Tomatoes ที่ 92 เปอร์เซ็นต์ของคะแนนผู้ชม

เรื่องย่อ

            ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นจนเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของมนุษย์ให้ต่างไปอย่างสิ้นเชิง เสียงกระทบเพียงเล็กน้อยกลับดึงดูดสิ่งมีชีวิตอันตรายให้มุ่งเข้าหาแหล่งเสียงพร้อมสังหารมนุษย์ที่อยู่รอบข้าง ภายในเวลาไม่นานนักสังคมแบบเดิมก็ล่มสลาย ผู้คนกระจัดกระจายตามวิถีทางของตนเพื่ออยู่รอด รวมถึงครอบครัวแอบบอตท์ที่สามารถปรับตัวเข้าได้อย่างรวดเร็ว แต่วันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์ร้ายอันเป็นเหตุให้ต้องสูญเสียสมาชิกครอบครัวไปหลายคน อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่เหลือรอดจำต้องเดินทางต่อไปสู่ความหวังที่หลงเหลือ

ความคิดเห็นของผู้เขียน

            ผู้เขียนขอเตือนเกี่ยวกับ ‘ฉาก Jump scare’ ที่มีอยู่ประปรายตลอดทั้งเรื่อง หากผู้ชมเป็นคนขวัญอ่อนควรปิดสักครึ่งหนึ่งหรือดูให้ไกลจากจอภาพเพื่อความปลอดภัย (555+) กล่าวย้อนกลับไปภาคที่หนึ่งที่เรื่องราวเล่าการดำเนินชีวิตของครอบครัวแอบบอตท์ในเวลาที่สังคมล่มสลายไปแล้ว ส่วนภาคนี้ได้บอกถึงต้นกำเนิดของสัตว์ประหลาดพร้อมกับวันแรกที่พวกมันปรากฏตัวต่อสายตามนุษย์ทำให้ผู้คนกระจัดกระจายไปทั่ว บุคคลอื่นนอกเหนือจากกลุ่มตัวละครเอกก็มีให้เห็นมากขึ้น และอธิบายสาเหตุว่าทำไมในภาคที่แล้วถึงไม่มีใครเดินทางมาช่วยเขา ถัดมาประเด็นสำคัญของเนื้อเรื่องคือ ความเป็นคนและการเอาชีวิตรอด ที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ตนอยู่รอดพยายามเล่นกับความรู้สึกของผู้ชมที่ยึดหลักคุณธรรมและศีลธรรมตามโลกปกติให้ “ตัดสิน” การกระทำของตัวละครที่ทำตามสัญชาตญาณ นอกจากนี้ยังถือเป็นการโยนประเด็นปัญหาอันเป็นเหตุผลให้ตัวละครหลายตัวตัดสินใจออกจากพื้นที่ปลอดภัย เช่น การหายารักษาตัวละครที่บาดเจ็บ ซึ่งผู้เขียนมองว่าภาพยนตร์เลือกใช้เหตุผลที่ดี ส่วนสุดท้ายคือบรรยากาศของเนื้อเรื่องที่ไม่เอื้อให้ตัวละครสามารถสนทนากันอย่างฟุ่มเฟือยทำให้ต้องใช้สีหน้าท่าทางในการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึก เหล่านักแสดงต่างสามารถถ่ายทอดออกมาได้เป็นอย่างดีเลย

ตัวอย่างหนัง :

ขอบคุณรูปภาพจาก https://unsplash.com/

#ซีรี่ย์เกาหลี #netflix #ซีรี่ย์จีน #A Quiet Place Part II

แนะนำผลงานซีรี่ย์สุดปังของ จุนโฮ 2PM หนุ่มหล่อสุดฮอตล่าสุดแห่งโชซอน

จุนโฮ 2PM กับบทบาทของ องค์รัชทายาทอีซาน ในซีรีส์ The Red Sleeve เรียกได้ว่าทำเอาสาวๆ โดนตกกันเป็นแถบ ไม่ว่าจะงานเพลงหรืองานแสดงหนุ่ม อีจุนโฮ ก็สามารถ ทำได้ดีและมีแฟน ๆ คอยติดตามให้การสนับสนุนอยู่เสมอๆ ทั้งมีเก่งทั้งมีเสน่ห์แบบนี้ ใครไม่หลงก็บ้าแล้ว เพื่อตอกย้ำคามฮอตของ องค์รัชทายาทอีซาน จุนโฮ 2PM เราจึงได้รวบรวมซีรี่ย์สุดปังของหนุ่มจุนโฮมาฝากกันค่ะ จะมีซีรี่ย์เรื่องอะไรบ้างนั้น ตามไปดูกันเลยค่ะ

1.The Red Sleeve

เป็นซีรีส์ย้อนยุคที่ จุนโฮ สวมบทเป็น องค์รัชทายาท อีซัน ที่ตกหลุมรักหญิงสาวในราชสำนักอย่าง ซองด็อกอิม โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของความรักต้องห้ามระหว่างด็อกอิมและอีซัน กษัตริย์ผู้ใช้ความรักเป็นเพียงเครื่องมือและหญิงสาวผู้ปฏิเสธที่จะมาเป็นมเหสีของเขา ทางเลือกของทั้งสองคนทำให้ทั้งคู่แยกจากกัน แต่ในใจลึก ๆ นั้น พวกเขาเพียงอยากมีความรักที่ปกติ แม้จะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ก็ตามที

ภาพจาก : pantip

2.Wok of Love

เป็นเรื่องราวของ พัคซอพุง เชฟหนุ่มอาหารจีนฝีมือดี ที่ชีวิตพลิกผัน เมื่อถูกภรรยานอกใจไปคบกับเจ้าของโรงแรมที่เขาทำงาน แถมยังโดนไล่ออก เขาจึงไปร่วมมือกับ โดชิลซอง อดีตหัวหน้าแก๊งนักเลงผู้ผันตัวมาเปิดร้านอาหารเล็ก ๆ อยู่ฝั่งตรงข้ามที่ทำงานเก่า ที่นั่นทำให้พวกเขาได้รู้จักและตกหลุมรักกับ ดันแซอู อดีตสาวไฮโซผู้ชื่นชอบจาจังมยอน

ภาพจาก : korseries.com

3.Chief Kim

บอกเล่าเรื่องราวของ ซอยูล อดีตอัยการผู้มีหน้าที่ตรวจสอบคดีทุจริต ก่อนจะผันตัวมาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการเงินในปัจจุบัน และเพราะได้รับคำสั่งให้เก็บกวาดการทุจริตของผู้บริหารระดับสูง เขาจึงต้องให้ตัวพ่อแห่งวงการปลอมแปลงบัญชีอย่าง คิมซองรยง มาร่วมงานด้วยในภารกิจนี้ พอฟังพล็อตเรื่องแล้วดูเหมือนจะซีเรียส แต่ความเป็นจริงกลับกลายเป็นซีรีส์แนวคอเมดี้ซะงั้น

ภาพจาก : blockdit.com

4.Rain or Shine

เป็นเรื่องราว อีคังดู ชายที่ฝันอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพแต่กลับประสบอุบัติเหตุที่คร่าชีวิตพ่อของเขาไปและอุบัติเหตุนั้นได้ทำให้ขาเขาได้รับบาดเจ็บด้วย แถมแม่ของเขาก็ล้มป่วยจนเสียชีวิต นั่นทำให้เขามีหนี้สินที่ได้รับมาจากแม่เขามากมาย เขาต้องใช้อย่างไร้จุดหมายกว่า 3 ปี จนได้เจอกับ ฮามุนซู ที่เคยสูญเสียครอบครัวไปจากอุบัติเหตุเช่นกัน แต่เธอกลับเลือกใช้ชีวิตที่ต่างไปจากเขาอย่างสิ้นเชิง

ภาพจาก : Wikipedia

5.Confession

เป็นซีรีส์แนวสืบสวนกับเรื่องราวการพิจารณาคดีในศาล โดย จุนโฮ รับบท ชเวโดฮยอน ทนายความที่จริงจังกับงาน เขามีความต้องการสืบหาความจริงที่ว่าทำไมพ่อของเขาถึงเต็มใจยอมรับชะตากรรมนักโทษประหาร วันหนึ่งเขาได้ไปทำคดีฆาตกรรมร่วมกับ กีจุนโฮ หัวหน้าทีมสืบสวนอาชญากรรม ซึ่งกลายเป็นว่าการร่วมงานกันในครั้งนี้ทำให้เกิดการเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่นำพาไปสู่การค้นพบความจริง

ภาพจาก : korseries.com

#ซีรี่ย์เกาหลี #netflix #ซีรี่ย์จีน