สำหรับเรื่องย่อของเรื่องนี้ เริ่มต้นในปี ค.ศ. 1997 ‘ดิว’ คือ เด็กที่เพิ่งย้ายโรงเรียนมาจากเชียงใหม่ จนกระทั่งได้เริ่มต้นความสัมพันธ์กับ ‘ภพ’ เด็กหนุ่มในพื้นที่ หากแต่ในสมัยนั้นความความรักระหว่างเพศเดียวกัน ยังไม่ได้รับการยอมรับ
จึงทำให้ทั้งคู่ต้องล่ำลากันไป 23 ปีต่อมา ‘ภพ’ ได้กลับมาเป็นครูในเชียงใหม่อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้มี ‘อร’ ภรรยาของมาด้วย แต่ภายในใจของเขาก็ยังคงคิดถึง ดิว เพราะต้องการสะสางเรื่องราวในอดีต แต่เรื่องยิ่งยุ่งเหยิงเข้าไปอีก เมื่อ ‘ภพ’ ได้พบกับ ‘หลิว’ เด็กสาวที่ครูใหญ่ฝากให้ดูแล หากแต่แล้วก็ทำให้เกิดเรื่องขึ้นมาจนได้…

ตอนจบที่เล่นเอาช็อคไปตามๆกัน

ภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นหนัง Remake ที่มาจากภายนตร์เกาหลีเรื่อง Bungee Jumping of Their Own ซึ่งเป็นภายนตร์ที่ผสมผสานแฟนตาซี และความเชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิด รวมทั้งเรื่องเพศ ผสมผสานกันไปตลอดเรื่อง
หากแต่สำหรับ ‘ดิว..ไปด้วยกันนะ’ ถูกตีความและถูกสร้างออกมาในอีกรูปแบบหนึ่ง กับ การบอกเล่าเรื่องราวบาดแผลในช่วงเวลาแห่งการเติบโต รวมทั้งความรู้สึกที่มีต่อความเจ็บปวดทั้งปวง ซึ่งเรื่องนี้เล่ามากไม่ได้เพราะถ้าเล่า อาจจะเป็นการสปอยไปเลย เพียงแค่คุณอ่านเรื่องย่อข้างบนก็น่าจะพอทราบบ้างแล้ว

สำหรับ ‘ดิว…ไปด้วยกันนะ’ ก็เป็นภาพยนตร์ไทยที่มีคุณภาพที่น่าสนใจ เพราะมีกลิ่นอายที่แตกต่างจากภาพยนตร์ไทยในกระแสหลัก อีกทั้งยังมีในส่วนของประเด็นเสรีภาพของชาว LGBTQ ในประเทศไทยอีกด้วย โดยตั้งแต่ต้นเรื่อ ไปยันจบเรื่อง ได้มีคำโปรยขึ้นต้น End Credit อุทิศให้แก่ ‘นพดล ขันรัตน์’ ซึ่งเขาผู้ถ่ายฉากโดรนสวยๆ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความหมายอันลึกซึ้งให้ภาพยนตร์

หากแต่ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ที่เขาไม่ได้มีโอกาสได้รับชมผลงานของตัวเองแบบเต็มๆในโรงภาพยนตร์ เพราะเขาเสียชีวิตไปเมื่อหลายเดือนก่อนแล้ว เพราะฉะนั้นนอกเหนือไปจากเรื่องราวที่น่าสนใจในภาพยนตร์แล้ว มุมกล้องที่ได้มาจากโดรนต่างๆในภาพยนตร์ จึงเปรียบเหมือนผลงานชิ้นสุดท้าย ที่เขาได้มอบให้แก่ผู้กำกับรวมทั้งผู้ชม ซึ่งอยากให้คุณได้ลองชมด้วยตาตนเองจริงๆ

เครดิตภาพ thestandard

ข่าวความเคลื่อนไหวของวงการหนัง วงการภาพยนต์ แนะนำหนังดี แนะนำหนังน่าดู รีวิวหนังใหม่ ให้คอหนังได้ติดตามอัพเดตตลอด รวมถึงข่าวดารา นักแสดง รวบรวมประเด็นที่ห้ามพลาด พร้อมทุกสัปดาห์
#ก่อนตายต้องได้ดู! #ข่าวดารา #ข่าวเด่นประเด็นร้อน #รีวิวหนังใหม่ #หนังดังในอดีต , #karc.us