สุขสันต์วันโสด LOW SEASON หนังโรแมนติกขำๆ แต่พอตอนมีผี ก็น่ากลัว

            จริงๆ หนังไทยเรื่องนี้ สุขสันต์วันโสด LOW SEASON เป็นหนังฉายโรง แต่เพราะดูไม่ทัน มาได้ชมก็ตอนที่หนังมาลงเน็ตฟลิกซ์แล้ว ก็เลยขอรีวิวหนัง ว่าเป็นงานในเน็ตฟลิกซ์ไปเลยละกัน

เรื่องย่อ สุขสันต์วันโสด LOW SEASON

            การเดินทางของสองหนุ่มสาว พุธ (มาริโอ้ เมาเร่อ) และหลิน (พลอยไพลิน ตั้งประภาพร) ที่ต่างก็โดนเทด้วยกันทั้งคู่ พุธที่ทำงานเป็นคนเขียนบท เดินทางมาเขียนบทหนังผีเรื่องใหม่ที่กิ่วแม่ปาน ส่วนหลินที่ความรักกับซุป’ตาร์คนดังต้องล้มเหลวเพราะความที่เธอเป็นคนเห็นผี

และพอบอกความจริงแฟนหนุ่มกลับไม่เชื่อ และทำให้ต้องเลิกกัน เธอมาที่กิ่วแม่ปานเพราะความเชื่อที่ว่า ความรักเริ่มที่ไหน ต้องไปจบที่นั่น และเธอก็มาเจอกันกับพุธและเดินทางร่วมกันโดยไม่ได้ตั้งใจ ไปจนถึงโฮมสเตย์ที่เป็นศูนย์รวมของพวกคนถูกเท

ก่อนที่พุธจะพาเธอไปพบพี่กะเร ที่เขาหวังว่าจะได้ไอเดียดีๆ ในการเขียนเรื่องผี แต่ความจริงที่ได้พบทำให้สยองยิ่งกว่า และการเดินทางในครั้งนี้ ก็ทำให้พุธกับหลินผูกพันกันมากขึ้น และรู้สึกต่อกันมากกว่าการเป็นเพื่อนร่วมทาง แล้วจากนี้ก็เป็นการรีวิวหนังกันละ

รีวิวสุขสันต์วันโสด LOW SEASON

เป็นงานที่ดูเพลินจริงๆ แม้ตัวเรื่องของหนังจะไม่ได้มีอะไรพิเศษ เป็นหนังรักของคนที่บังเอิญมาเดินทางร่วมกันเหมือนหนังอีกหลายๆ เรื่อง แต่ด้วยความที่นักแสดงทุกคนเล่นกันได้ดี มันก็พาหนังเดินหน้าไปได้อย่างลื่นไหล

แล้วตัวเรื่องเองก็ไม่ได้มีแค่เรื่องรักหนุ่ม-สาว ยังมีเรื่องอารมณ์ขัน มุกตลกต่างๆ ก็บอกเลยว่าทำงานอย่างได้ผล เรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มได้สบายๆ แล้วที่เด่นมากๆ โดยเฉพาะในช่วงแรกของหนังก็คือ “ผี” ใช่แล้วครับ หนังมีผีด้วย

เพราะอย่าลืมว่านางเอกเป็นคนเห็นผี แล้วฉากผีในหนังเรื่องนี้ เป็นฉากผีที่มาแบบหนังผี ทั้งหลอกให้ตกใจ ทั้งทำให้รู้สึกหลอนๆ แต่ก็ต้องชมผู้กำกับที่ใส่ฉากพวกนี้เข้ามาแล้วไม่กวนอารมณ์ใสๆ ของหนังเลย แถมยังช่วยให้ สุขสันต์วันโสด LOW SEASON มีความแปลก แตกต่างไปจากหนังรักเรื่องอื่นๆ อย่างชัดเจน

นอกจากนักแสดงเล่นดี มีอารมณ์ขันที่ใส่เข้ามาแล้วทำงาน มีความแปลกจากการใส่เรื่องผีเข้ามา หนังยังมีเพลงเพราะๆ ให้ฟังตลอดทั้งเรื่อง โดยเป็นงานของวงอินดี้ ที่เข้ากับเรื่องได้ดีด้วย อย่างเพลงของวงเขียนไขและวาณิช และแม็กซ์ เจนมานะ

            ขอปิดท้ายการ รีวิวหนัง เน็ตฟลิกซ์ สุขสันต์วันโสด LOW SEASON กันตรงที่ว่า เป็นหนังที่ดูสนุก แล้วมีความสุขเหมือนๆ กับพระเอก-นางเอกในเรื่องนั่นละ

                                                            =======================  

ภาพ

สุขสันต์วันโสด 01 https://www.nylonthailand.com/low-season-movie/

สุขสันต์วันโสด 02 https://www.nylonthailand.com/low-season-movie/

สุขสันต์วันโสด 03 https://www.nylonthailand.com/low-season-movie/

#สุขสันต์วันโสด LOW SEASON #รีวิวหนัง #เน็ตฟลิกซ์

รีวิวหนัง Netflix : Holidate แฟนกันแค่วันหยุด หนังรักอารมณ์ดี 2020

ในที่สุดเน็ตฟลิกซ์ก็ปล่อย หนังรักฝรั่ง Holidate แฟนกันแค่วันหยุด ให้อารมณ์แบบ หนังฟีลกู๊ด ออกมาให้เราได้ดูกันสักทีในช่วงนี้ หนังแนวนี้เป็นหนังแนวติดตลาด มีพล็อตเรื่องแบบ หนังวันหยุด ที่ไม่ว่าใครก็ต้องกดเข้ามาดู อาจจะไม่ได้หวือหวาหรือดีเลิศจนคนต้องแห่กันมาดูมากมาย แต่เป็นหนังที่คุณจะสามารถดูกับครอบครัวได้แบบชิวๆ โดยที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก

เรื่องย่อ หนังรักเน็ตฟลิกซ์ Holidate แฟนกันแค่วันหยุด

เป็นเรื่องราวของ สโลน สาวที่เพิ่งจะโสดจากหนุ่มหน้าตาดีที่ทำให้เธอตกที่นั่งลำบากกลายเป็นคนโสดที่น่าสงสารของครอบครัว จนในทุกๆเทศกาลเธอจะต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียวแบบเหงาๆ เธอได้มาเจอกับ จอห์นสัน หนุ่มทะเล้นที่หวาดกลัวการที่ผู้หญิงมักจะคาดหวังและผูกมัดเขาเสมอเวลาถึงช่วงงานเทศกาลต่างๆ เขาและเธอต่างมาเจอกันในสถานการณ์ที่ทำให้จอห์นสันได้เสนอการเป็นคู่เดทในช่วงวันหยุด และหลังจากนั้นในช่วงเทศกาล สโลนและจอห์นสันก็ใช้ชีวิตเป็นคู่เดทจนวันหนึ่งที่ความรู้สึกของทั้งสองที่มีให้กันเริ่มจะเปลี่ยนไป

Holidate แฟนกันแค่วันหยุด หนังโรแมนติคคอมเมดี้ พล็อตเรื่องสูตรสำเร็จ

แน่นอนว่าไม่ต้องคาดหวังว่ามันจะหักมุมหรือไปไกลกว่าที่คุณคิดอย่างแน่นอน หนังเรื่องนี้เป็นหนังรักคอมเมดี้สูตรสำเร็จอีกหนึ่งเรื่องที่ดูจากหน้าปกก็ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาเลยด้วยซ้ำ แต่ถ้าถามว่าดูไหม ตอบเลยว่าดู ถามว่าสนุกไหมบอกเลยว่าสนุก ด้วยเคมีของพระนางที่เข้ากันอย่างเหลือเชื่อ การยิงมุกส่งมุกต่างๆ รวมไปถึงการเอานักแสดงสมทบฝีมือดีหลายคนมาแสดงในเรื่องนี้ก็กลายเป็นองค์ประกอบความบันเทิงในแบบฉบับของหนังรอมคอมที่คุณจะต้องตกหลุมรักอย่างช่วยไม่ได้กันเลยทีเดียว

หนังรัก Netflix Holidate แฟนกันแค่วันหยุด หนังน่ารักอบอุ่นหัวใจ

อย่างที่ได้บอกไปว่าหนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้ถึงกับว้าว ต้องดูนะ แต่เป็นหนังที่จะทำให้คุณรู้สึกอบอุ่นหัวใจและยิ้มตามได้อย่างแน่นอน พระนางสวยหล่อน่ารักกันทั้งคู่ แถมปมเรื่องไม่ได้ซับซ้อนชวนปวดหัว ทุกอย่างเป็นปมที่มีเงื่อนง่ายๆมีแค่การรอให้ถึงเวลาปมนั้นก็จะคลายมาเองตามสูตรสำเร็จของหนังเราแค่รอเวลาให้มันผลิบานอย่างช้างๆแค่นั้นเอง สำหรับคนที่เป็นแฟนหนังรอมคอมที่อาจจะเบื่อกับพล็อตแนว หนังรักวัยุร่นฝรั่ง เรื่องนี้เป็นอีกแนวที่ฉีกออกไปนิดหน่อย พล็อตเรื่องหลักไม่จำเจ แต่ดูแล้วแฮปปี้จนดูได้อีกหลายๆรอบ

#หนังเน็ตฟลิกซ์ #Holidate #หนังวันหยุด #หนังรักฝรั่งๆ

His House บ้านของใคร หนังสยองขวัญที่สะเทือนอารมณ์ที่สุดในปี 2020

สำหรับหนังเรื่อง His House บ้านของใคร ขอบอกเลยว่าตอนนี้กำลังเป็นกระแสแบบสุดๆ เพราะด้วยความที่เป็น หนัง Netflix ที่ได้ตีแผ่ในเรื่องของชนชั้นการเป็นผู้อพยพ ทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นหนึ่งใน หนังใหม่ 2020 ที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก นอกจากที่จะต้องมากลัวผีและ ยังจะต้องมาสะเทือนอารมณ์เกี่ยวกับสังคมที่ไม่เท่าเทียมกันอีกต่างหาก

เรื่องย่อ หนังสยองขวัญ Netflix His House บ้านของใคร

เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ สามีภรรยาคู่หนึ่ง ที่พวกเขาได้มาเป็นผู้อพยพในประเทศอังกฤษ ซึ่งพวกเขานั้นต้องไปอาศัยอยู่ในบ้านหลังหนึ่งให้ได้ เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ต้องส่งทั้งคู่ให้กลับไป แต่บ้านหลังนี้กลับมีเรื่องราวประหลาดที่ชวนให้ขวัญกระเจิง ซึ่งทั้งคู่เองก็พยายามทนอยู่กับสภาพบ้านที่เลวร้าย เพื่อไม่ให้กลับไปเจอเรื่องที่เลวร้ายมากกว่า ซึ่งที่ๆพวกเขาจากมานั้นเป็นชีวิตจริงที่โหดร้ายมากกว่าการเจอผีปีศาจใดๆ

หนังสยองขวัญ ที่เล่นกับจิตใจของคนได้ดีเยี่ยม His House บ้านของใคร

สำหรับหนังสยองขวัญเรื่องนี้ขอบอกเลยว่าน่าประทับใจตั้งแต่พล็อตเรื่องที่ได้มีการนำประเด็นเรื่องคนอพยพเข้ามาใส่ไว้ด้วย ซึ่งจากในเรื่องเองก็จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาไม่เพียงแต่ถูกเหยียดจากคนผิวขาวชาวอังกฤษเท่านั้น แต่คนผิวสีด้วยกันเองก็ยังดูแคลนคนอพยพอย่างพวกเขา ซึ่งทั้งคู่เองก็ได้พยายามอย่างหนักในการที่จะอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ให้ได้ ถึงแม้ว่าตัวภรรยาเองก็มีความหวังอยู่ลึกๆว่าจะได้กลับบ้านเกิด แต่ด้วยปมปัญหาต่างๆ ซึ่งได้ส่งผลต่อจิตใจของพวกเขา จนบางทีในเรื่องเราก็แทบแยกไม่ออกว่าฉากไหนที่โดนหลอก และฉากไหนที่จิตของพวกเขาเล่นงานตัวเขาเอง

His House บ้านของใคร หนังตีแผ่ปัญหาสังคม หนังสยองขวัญสะเทือนอารมณ์

หนังเรื่องนี้จะมีการเล่าแบบแฟลชแบ็คให้เราได้รู้ว่าเรื่องราวก่อนที่พวกเขาจะได้มาอยู่ที่บ้านหลังนี้นั้นพวกเขาต้องเจอกับความโหดร้ายแบบไหนมา จนทำให้พวกเขาจะต้องทนอยู่กับสถานภาพอันโหดร้ายของบ้านหลังนี้ แต่ภายในเรื่องหากคุณดูจริงๆแล้วจะพบว่า ประเด็นของเรื่องที่อยากจะส่งสารมาให้คนดูน่าจะเป็นปัญหาของผู้อพยพเสียมากกว่า ซึ่งจริงๆแล้วถือว่าเป็นแก่นหลักของเรื่อง และเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่จะทำให้เราเข้าใจในระดับหนึ่งว่าทำไมพวกเขาถึงต้องถูกหลอกหลอนอย่างหนักเอาเรื่อง สำหรับคนที่ชอบดู หนังสยองขวัญ ที่มีพล็อตเรื่องเกี่ยวกับปัญหาทางสังคม หนังเรื่องนี้เป็น หนัง Netflix อีกเรื่องที่จะมาตอบโจทย์ของคุณ

#รีวิวหนัง Netflix #หนังสยองขวัญ Netflix #His House บ้านของใคร

“The Phantom Of The Opera” ภาพยนตร์เพลงแนวลึกลับแสนโรแมนติก

ที่มาของภาพยนตร์ The Phantom Of The Opera”

            ภาพยนตร์ The Phantom Of The Opera” หรือ ปีศาจแห่งโรงอุปรากร ถูกสร้างมาจากบทประพันธ์ของกัสตง เลอรูซึ่งเป็นกวีชาวฝรั่งเศสซึ่งเขาได้แรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในโรงละครการ์นิเย่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีโคมไฟระย้าตกลงมากะทันหันทั้งที่โคมไฟก็ไม่ได้มีความเก่าเลย และนอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์ลึกลับที่คนในโรงละครพากันเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุหลากหลายรูปแบบในระยะเวลาที่ใกล้เคียงกันโดยไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดจากอะไรทำให้กัสตง เลอรูจินตนาการว่ามีปีศาจหรือผีซ่อนตัวอยู่ในเงามืดของโรงละครคอยทำร้ายผู้คนจนเกิดเป็นจินตนาการในการประพันธ์วรรณกรรมเรื่อง “The Phantom Of The Opera” ขึ้นมา

เรื่องย่อของของภาพยนตร์ “The Phantom Of The Opera”

            ภาพยนตร์ “The Phantom Of The Opera” เป็นภาพยนตร์เพลงหรือมิวสิคัลที่ถ่ายทอดเรื่องราวความรักสามเส้าของ “อีริค” ชายผู้รูปหน้าอัปลักษณ์ซึ่งถูกปกปิดไว้ด้วยหน้ากากครึ่งซีก เขาซ่อนตัวอยู่ในห้องลับใต้ดินของโรงละครอุปรากรอันมีชื่อเสียงของเมืองหนึ่งในประเทศฝรั่งเศสอย่างสงบสุขมานาน ทว่าวันหนึ่งเมื่อเขาได้ยินน้ำเสียงร้องโอเปร่าแสนไพเราะของ “คริสทีน”ดังกังวานบนเวทีโรงละครก็รู้สึกหลงรัก แม้จะรู้ว่าคริสทีนมีแฟนหนุ่มคือ “ราอูล”อยู่แล้ว เขาก็อยากจะครอบครองหญิงสาวให้เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียวจึงได้พาเธอมายังห้องลับใต้ดิน คอยสอนร้องโอเปร่าและคอยช่วยเหลือเธอ แต่คริสทีนกลับเลือกราอูลจนเกิดเป็นความรักสามเส้า

ความน่าสนใจของภาพยนตร์ “The Phantom Of The Opera”

            ภาพยนตร์ “The Phantom Of The Opera” มีความน่าสนใจในเนื้อหาที่ชวนลึกลับทว่าแฝงด้วยความโรแมนติกของชายหญิงไม่ว่าคริสทีนจะเป็นฉากที่อีริคหรือแฟนธ่อมพาคริสทีนมาที่ถ้ำห้องลับใต้โรงละคร คอยอยู่ใกล้ชิดห่วงใยไม่ยอมห่างเหิน และฉากที่คริสทีนจูบกับราอูลท่ามกลางหิมะซึ่งทำให้ผู้ชมต่างไม่รู้จะอยู่ทีมพระเอกคนไหนดีกันเลยทีเดียว นอกจากนี้โลเกชั่นในเรื่องยังเป็นโรงละครเวที มีการสร้างแบบทุ่มทุนในหลายฉากโดยเฉพาะห้องลับของอีริคที่พอเรือเคลื่อนตัวมาถึงประตูก็จะเปิดเองพร้อมกับเทียนที่หรูหราและยิ่งเป็นการพูดสลับกับร้องเพลงป๊อปผสมโอเปร่าในทุกฉากก็ยิ่งทำให้ขนลุกมาก ทุกฉากในภาพยนตร์เรื่อง “The Phantom Of The Opera” เรียกได้ว่าจัดออกมาแบบไร้ที่ติ ทั้งบทเพลงที่แต่งทุกเพลง การแสดงสีหน้าท่าทางของนักแสดงทุกคน และมุมกล้องทำให้ดูแล้วอดที่ละมุนจนฟินจิกหมอนไม่ได้ ขนาดเป็นบรรยายภาษาไทยนะเนี่ย ต้องคัดนักแสดงมาดีขนาดไหนถึงสามารถทำให้เราอยากปรบมือชื่นชมทุกฉากได้ขนาดนี้ เล่นหนังก็เข้าถึงบทบาท พอร้องเพลงก็น้ำเสียงดี สูงแบบสุดยอด

            สุดท้ายนี้ต้องบอกเลยว่าหากพลาดเรื่อง “The Phantom Of The Opera” แล้วคุณจะเสียใจ มันเป็นภาพยนตร์ที่เลอค่าราวกับได้นั่งดูละครเวทีอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์จริง ๆ นะคะ ยิ่งถ้าหาลำโพงดี ๆ มาต่อสายเข้าไปรับรองได้ฟีลดูละครเวทีเลย

เครดิตภาพ : https://www.imdb.com/

#The Phantom Of The Opera #รีวิวหนัง #หนังดีในตำนาน

All The Bright Places แสงแห่งหวังที่ทุกฝั่งฟ้า แอลล์ แฟนนิ่ง เปล่งประกายอีกครั้ง

ผ่านไปแล้วกับเดือนแห่งความรักอบอวล ส่งไม้ต่อกันมาที่ หนังโรแมนติคดราม่า ของ Netflix ที่มีนักแสดงสาวเจ้าเสน่ห์อย่าง แอลล์ แฟนนิ่ง ที่จะมากุมหัวใจของคุณอีกครั้ง หนังเรื่องนี้ถือว่าเป็นหนึ่งใน หนังแนะนำเน็ตฟลิกซ์ ที่จะพาคุณด่ำดิ่งไปพร้อมๆกับภาพรักที่มีภาพขอความเจ็บปวดเคล้าอยู่ด้วย

เรื่องย่อ

เป็นเรื่องราวของ ไวโอเล็ต มาร์กีย์ หญิงสาวที่สูญเสียพี่สาวที่รักของเธอจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ซึ่งได้เปลี่ยนให้เธอกลายเป็นหญิงสาวที่แบกความเศร้าหมองเอาไว้ตลอดเวลา จนเมื่อเธอได้มาเจอกับชายหนุ่มชื่อว่า ธีโอดอร์ ฟินซ์ ที่เขาจะมาเปลี่ยนชีวิตของเธออีกครั้ง เขาได้โผล่เข้ามาในช่วงชีวิตของเธอที่ยากลำบาก เขาได้ดึงเธอออกจากความเศร้า ด้วยการพาเธอไปท่องเที่ยวตามที่ต่างๆในเมือง แต่การมอบความสดใสให้กับเธอคนนี้แต่จริงๆแล้วตัวฟินซ์เองนั้นก็มีบางอย่างที่มืดมนและอ้างว้างที่ไวโอเล็ตยากจะเข้าใจ

หนังเรื่องนี้ต้องขอออกตัวก่อนว่าไม่ใช่หนังรักโรแมนติคจ๋าๆ แต่หนังเรื่องนี้มีความดราม่าอยู่ในเรื่องนี้อยู่ด้วย ซึ่งความดราม่าและความเจ็บปวดตั้งแต่เปิดเรื่องเลยทีเดียว ซึ่งความเจ็บปวดดังกล่าวในครึ่งแรกจะเป็นเรื่องของนางเอกเสียส่วนใหญ่ ส่วนในครึ่งหลังตัวหนังจะนำเรามาสู่เรื่องราวความดราม่าของฝั่งพระเอก ที่ถ้าพูดกันแล้ว ความเจ็บปวดของทั้งสองคนนี้ค่อนข้างมีจุดร่วมกัน ในเรื่องของการสูญเสียคนที่รัก แต่ว่าวิธีการแสดงออกและรับมือกับความเจ็บปวดของตัวเองของทั้งสองนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

หรือจะให้พูดง่ายๆเลยก็คือจากเรื่องนี้เราจะได้เห็นวิธีการหนีปัญหาที่ต่างกันของทั้งสองคน รวมไปถึงการเยียวยากันละกันที่จะทำให้เราพลางอบอุ่นหัวใจไปด้วย ซึ่งเปิดการเปิดมุมมองอีกมุมมองหนึ่งที่ว่าแท้จริงแล้วคนที่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นอะไรนั้น จริงๆแล้วเขาอาจจะมีปัญหาที่รอการช่วยเหลืออยู่ก็เป็นได้เช่นกัน

#All The Bright Places #รีวิวหนัง Netflix #หนังแนะนำเน็ตฟลิกซ์

6 หนัง Live Action น่าสนใจที่สร้างมาจากมังงะสุดฮิต

ถ้าพูดถึงหนัง live action ที่สร้างมาจากมังงะหรืออนิเมะชื่อดัง หลายต่อหลายคนคงย่นจมูกเพราะกังวลว่าเวอร์ชั่น​คนแสดงจะลดความสนุกสนานที่ถ่ายทอดในแบบของอนิเมะลง แต่บทความนี้จะแนะนำหนัง Live Action ที่น่าสนใจชนิดที่ว่าไม่ดูไม้ได้แล้ว

As the Gods Will (2014) เกมเทวดา

เพียงแค่ทาคาฮาตะ ชุน เด็กหนุ่มผู้เบื่อในชีวิตประจำวันบ่นกับพระเจ้าว่า เขาเบื่อเสียเหลือเกิน ความตื่นเต้นระทึกก็ได้มาเยือนชีวิตเขาจนอยากกลับไปเป็นดังเก่า เมื่อหัวของอาจารย์​ของเขาได้ระเบิดขึ้นกลางห้องอย่างไร้สาเหตุ พร้อมกับ​ตุ๊กตาดารุมะที่ปรากฏขึ้น ชุนและเพื่อนร่วมห้องจำต้องเล่นเกมดารุมะแห่งความตาย โดยไม่รู้เลยว่าพวกเขาจะรอดมันไปได้อย่างไร

Death Note (2006) สมุดโน้ตกระชากวิญญาณ​

เมื่อยากามิ ไลท์บังเอิญได้พบกับเดธโน้ต สมุดโน้ตที่ผู้ครอบครองสามารถปลิดชีพใครสักคนโดยปลายปากกา เพียงแค่เขียนชื่อคน ๆ นั้นลงในหน้ากระดาษสมุด ไลท์จึงตัดสินใจฆ่าฆาตกรและนักการเมืองผู้คดโกงเพื่อสร้างยูโทเปีย แต่แล้วเขาก็ได้พบกับศัตรู​ตัวฉกาจ แอล นักสืบระดับโลกที่ได้ลงมาไขคดีฆาตกรรม​ปริศนานี้ ใครจะเป็นผู้ชนะต้องติดตามกันต่อไป

ReLIFE (2017)

เมื่อไคซากิ อาราตะ นีทหนุ่มวัย 27ที่ตกงาน ไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่ใครรับได้พบกับคนของแล็บวิจัย ReLife โยอะเค เรียวที่จะช่วยให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไป ไคซากิได้ย้อนกลับไปเป็นเด็กมัธยมปลายไป 1 ปี พร้อมกับปมในใจของเขาที่ค่อย ๆ ได้รับการสะสาง

Battle Royal (2000) เกมนรก โรงเรียน​พันธุ์​โหด

เมื่อสังคมญี่ปุ่นตกต่ำถึงขีดสุด ปัญหาวัยรุ่นที่รุนแรงจนถึงระดับอาชญากรรม​ร้ายแรงแพร่กระจาย​ไปทั่วประเทศญี่ปุ่น หนทางเดียว​คือรัฐต้องตอบโต้ด้วยการใช้เกม Battle Royale หรือ BR ในการกำราบ เกมที่สามารถสรุปได้สั้น ๆ ว่าให้เด็กวัยรุ่นมาฆ่ากันเองโดยแท้

Orange (2015)

เมื่อทาคามิยะ นาโฮะ เด็กสาวมัธยมปลาย​ปีสอง ได้รับจดหมายจากตัวเองในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้าว่าเธอจะหลงรักนารุเสะ คาเครุ นักเรียนใหม่ที่เข้ามาเรียนในห้อง แต่หลังจากนั้นเขาจะฆ่าตัวตายใน 1 ปีต่อมาเนื่องจากปมเบื้องหลังที่เกี่ยวกับแม่ของเขา สาส์นจากอนาคตที่เธอได้รับจะทำให้เธอเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งให้ไปในทางไหนต้องติดตามไปด้วยกัน

Uzumaki (2000) ก้นหอยมรณะ

ว่าด้วยคำสาปสุดประหลาดของเมืองคุโรซุโชที่ชาวเมืองต้องสาปให้หลงใหลคลั่งไคล้​ในทุกสิ่งที่เป็นก้นหอยที่เริ่มตั้งแต่ผมทรงก้นหอย เอาแต่คนซุปจนเกิดน้ำวนในถ้วยซุป ไปจนถึงสภาพสยดสยองของผู้คนที่ตายในลักษณะ​ก้นหอย

ก็จบกันไปแล้วกับหนัง Live Action​ ทั้ง 6 เรื่อง ขอรับประกันกับความสนุก​ไม่แพ้เวอร์ชั่นต้นฉบับเลยล่ะ ไม่ดูก็คือพลาดแล้ว ขอตัวไปดูหนัวก่อนนะคะ!

#หนัง Live Action​ #หนังจากมังงะ #แนะนำหนังดีน่าดู

The SpongeBob Movie: Sponge On The Run มิตรภาพแห่งใต้ท้องทะเล

รีวิวหนัง หนังการ์ตูน Netflix การ์ตูนสนุกๆ การ์ตูน SpongeBob

ถ้าคุณกำลังเบื่อๆ แล้วอยากจะหา การ์ตูนสนุกๆ อารมณ์ดีสักเรื่องจากใน Netflix ขอแนะนำ ภาคใหม่ล่าสุดของ หนังการ์ตูน SpongeBob ซึ่งในภาคนี้เป็นภาคใหม่ที่มาในชื่อเรื่อง The SpongeBob Movie: Sponge On The Run กับการตามหาเพื่อนรักที่ถูกลักพาตัวไป กับสูตรลับของร้านแคร็บปี้เบอร์เกอร์ที่กำลังจะถูกเปิดเผยในภาคนี้ !?

เรื่องย่อ หนังการ์ตูน The SpongeBob Movie: Sponge On The Run

ในภาคนี้จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ แกรี่ เพื่อนรักทากน้อยของ สพันจ์บ็อบ ที่ถูกจับตัวไป งานนี้เพื่อนรักอย่างสพันจ์บ็อบก็ไม่เป็นอันกินอันอยู่ต้องรีบไปตามหาเพื่อนรักของเขาโดยเร็ว ซึ่งก็ไม่ได้ไปเดี่ยวๆมีเพื่อนรักอีกคนอย่างแพทริคในภารกิจตามหาแกรี่นี้ด้วย แต่ดูเหมือนว่าการหายไปของแกรี่ในครั้งนี้จะไม่ใช่การหายตัวไปแบบธรรมดา แต่กลับมีเรื่องราวบางอย่างที่ซ่อนอยู่ จะเกี่ยวกับแผนการขโมยสูตรลับของร้านเบอร์เกอร์หรือเปล่าต้องไปดูกัน

การกลับมาอันสดในของการ์ตูนดัง The SpongeBob Movie: Sponge On The Run

สำหรับการ์ตูนเรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งการ์ตูนดังที่ใครหลายๆคนน่าจะคุ้นหูคุ้นตากันเป็นอย่างดี แต่สำหรับในภาคเดอะมูฟวี่แล้วเพิ่มมีออกมาไม่มีภาคเท่านั้นเอง และในภาคก่อนหน้าก็เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จแบบสุดๆไปเลย และการกลับมาในภาคนี้ก็ไม่ทำให้คนดูอย่างเราๆต้องผิดหวัง เพราะขนความน่ารักบวกความฮามาแบบไม่มีกั๊ก เป็นการ์ตูนที่เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูแล้วยิ่งดี เป็นการผจญภัยที่ขอบอกเลยว่านักแสดงรับเชิญเซอร์ไพร์สแบบสุดๆ เป็นการ์ตูนที่ดูเราสามารถดูและรับความสนุกมาได้ตรงๆ แต่ก็มีคุณค่าบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในเรื่องไม่ใช่น้อยไม่ว่าจะเป็น มิตรภาพ ความมั่นใจในตัวเอง ทุนนิยมต่างๆ เป็นต้น

การ์ตูนแนะนำ Netflix ที่คุณห้ามพลาด

ถามว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีการหักมุมจนเราต้องตะลึงไหม ขอบอกเลยว่าไม่ สำหรับเรื่องนี้ก็ยังเป็นการ์ตูนแบบที่เราสามารถคาดเดาตอนจบได้ง่ายๆ แต่สิ่งที่ไม่ควรพลาดสำหรับเรื่องนี้เลยความสนุกน่ารักระหว่างทางที่รับรองว่าฮากระจาย รับรองว่าในภาคนี้คุณจะเต็มอิ่มหัวใจอย่างแน่นอน คุณจะได้เห็นอีกมุมหนึ่งที่ทำให้ผู้ใหญ่อย่างเราๆดูแล้วยังมีแอบซึ้งไปกับมิตรภาพของพวกเขาที่มีมานาน เป็นสิ่งที่บ่อยครั้งเราเองก็ไม่ได้เห็นความสำคัญของคนที่อยู่ใกล้ตัวนัก จนวันหนึ่งเขาได้หายไปจนเรารู้ว่าการไม่มีเขานั้นมันเป็นอย่างไร สำหรับ การ์ตูนสนุกๆ เน็ตฟลิกซ์ เรื่องนี้ขอบอกเลยว่าต้องดู ห้ามพลาดอย่างเด็ดขาด

#รีวิวหนัง #หนังการ์ตูน Netflix #การ์ตูน SpongeBob

แนะนำหนัง รวม 4 หนังตัวตลก สุดหลอน หนังระทึกขวัญ สยองขวัญ ตัวตลกสุดสยอง

หนังสยองขวัญ หนังฝรั่ง หลอนๆ หนังระทึกขวัญ หนังตัวตลก

ถ้าหากพูดถึงหนึ่งในคาร์แร็กเตอร์ของ หนังสยองขวัญ หนังระทึกขวัญ ที่บอกเลยว่าไม่ว่าจะนำมาหยิบมาจับทำมาใส่เรื่องราวต่างๆสักกี่ครั้งก็ยังสามารถสร้างความหลอนเกินบรรยายได้กับ คาร์แร็กเตอร์ตัวตลก จนบางคนถึงกับมีอาการหวาดกลัวตัวตลกในชีวิตจริงเลยก็มี เพราะมันก็ดูหลอนแปลกๆเหมือนกันหากเราเสพหนังพวกนี้เยอะมากพอจำนวนหนึ่ง บทความนี้จะมาแนะนำ หนังตัวตลก สุดหลอน หนังสยองขวัญ ที่จะมาปลุกขวัญของคุณให้กระเจิง

1. หนังตัวตลก สยองขวัญ – Twisty the Clown – American Horror Story

สำหรับมหากาพย์หนังสยองขวัญก็ต้องยกให้กับซีรีส์อย่าง American Horror Story เป็นความหลอนแบบเกินจินตนาการที่จะมาสั่นประสาทคุณได้อย่างแน่นอน สำหรับใครที่อยากดูเรื่องราวหลอนๆของตัวละครที่เป็นตัวตลกขอแนะนำเป็นในซีซั่นที่ 4 เลย เพราะว่าในซีซั่นนี้เรียกได้ว่าจัดเต็มเรื่องความหลอนของตัวตลกนักเชือด หากคุณยังไม่เคยดูขอบอกเลยว่าต้องลองแล้สจะไม่ผิดหวัง

2. หนังตัวตลก สยองขวัญ – All Hallows’ Eve

เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่อยากแนะนำให้ดู เพราะเกี่ยวกับการมาปรากฏตัวของตัวละครสุดหลอนในช่วงเทศกาลฮาโลวีน โดยเรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพี่เลี้ยงสาวที่จะต้องมาดูแลเด็กสองคน และพวกเขาได้ไปเจอวีดีโอเกี่ยวกับตัวตลกแปลกๆ ซึ่งเป็นสาเหตุที่มาของของค่ำคืนที่พวกเขาจะไม่มีทางลืมได้ลงอย่างแน่นอน เป็นหนังตัวตลกที่เล่นกับจังหวะหัวใจของคนดูอย่างไม่ปราณีเลยทีเดียวกับเรื่องนี้

3. หนังตัวตลก สยองขวัญ – Clown

สำหรับเรื่องนี้ขอบอกเลยว่าเป็นอีกหนังสยองขวัญตัวตลกในตำนาน หลายๆคนอาจจะเคยผ่านหูผ่านตากันมาแล้วอย่างแน่นอน กับเรื่องราวของพ่อคนหนึ่งที่ได้ใส่ชุดตัวตลกไปเซอร์ไพรส์วันเกิดให้กับลูกของเขา แต่กลับกลายมาเป็นว่าหลังจบงานเจ้าชุดตัวตลกกลับถอดไม่ออก แถมดูเหมือนจะค่อยๆผสานไปกับร่างกายของเขา จนเขาได้กลายเป็นตัวตลกที่ไล่ล่าฆ่าคน

4. หนังตัวตลก สยองขวัญ – IT

หนังสยองขวัญชื่อดังของตัวตลก รับรองว่าคุณจะไม่แปลกใจอย่างแน่นอนว่าทำไมมันได้มันติดอยู่ในลิสต์หนังสยองขวัญตัวตลกที่คุณจะพลาดไม่ได้ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับปีศาจร้ายที่รอวันหวนคืนกลับมาออกอาละวาด ซซึ่งการออกอาละวาดของมันก็ได้ทำให้มีเด็กจำนวนมากสูญหายไป และหนึ่งในนั้นก็คือการสูญหายของเด็กคนหนึ่งซึ่งทำให้พี่ชายของเขาและบรรดาเพื่อนๆได้เข้าไปเกี่ยวกับกับการต่อสู้ที่หวาดหวั่นกับเจ้า ตัวตลกสยองขวัญ ในเรื่องนี้นี่เอง

#แนะนำหนัง #หนังตัวตลก สุดหลอน #หนังระทึกขวัญ

3 ภาพยนตร์ชุดแห่งการปฏิวัติของคนรุ่นใหม่

1. The Hunger Games 

ภาพยนตร์ชุดที่ได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างมาจากวรรณกรรมชื่อ The Hunger Games ของ Suzanne Collins ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นวรรณกรรมชิ้นเอกแห่งยุค เทียบเท่ากับ Harry Potter และ Twilight Saga 

โดยภาพยนตร์ชุด The Hunger Games มีทั้งหมด 3 ภาคด้วยกัน ได้แก่ ภาคแรก The Hunger Games (เกมล่าเกม) กำกับโดย แกรี รอสส์ ภาคที่ 2 The Hunger Games : Catching Fire (เกมล่าเกม 2 แคชชิ่งไฟเออร์) และภาคที่ 3 แบ่งออกเป็น 2 ตอน คือ The Hunger Games : Mockingjay Part 1&2 กำกับโดย ฟรานซิส ลอว์เรนซ์

            The Hunger Games เป็นเรื่องราวภายใน พาเน็ม ประเทศประเทศหนึ่งที่แบ่งการปกครองออกเป็น 13 เขต และมีเมืองหลวงชื่อว่า แคปปิตอล ระบบการปกครองของพาเน็มนั้นกดขี่ และเอาเปรียบประชาชนในทุก ๆ เขต จนทำให้เกิดการกบฏของเขต 13

และนั่นก็ทำให้เขต 13 ถูกทำลายทิ้งจนกลายเป็นเมืองร้าง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาแคปปิตอลจึงได้จัดการแข่งขัน เกมล่าเกม หรือ The Hunger Games ขึ้นมา เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจประชาชนทุกคนในพาเน็มถึงอำนาจในการควบคุมของแคปปิตอล ที่ควบคุมได้แม้กระทั่งความเป็นความตายของทุกคนในพาเน็ม

และเพื่อย้ำเตือนถึงการทำลายเขต 13 ที่ก่อกบฏ ซึ่งใน The Hunger Gamesทั้ง 12 เขต ต้องส่งบรรณาการชายหญิงอายุ 12-18 ปี ไปเข้าร่วมโดยการจับสลาก หรือในบางเขตที่มีการอาสาสมัคร และทั้ง 24 คน จาก 12 เขต ต้องฆ่ากันเองจนกว่าจะเหลือผู้รอดชีวิตคนสุดท้าย ซึ่งถือว่าเป็นผู้ชนะในแต่ละปี
            

ภาคแรกเริ่มต้นด้วย The Hunger Games ปีที่ 74 พริมโรส เอฟเวอร์ดีน น้องสาวของนางเอกของเรื่อง แคตนิส เอฟเวอร์ดีน ถูกเรียกชื่อให้เป็นบรรณาการของเขต 12 แคตนิสจึงอาสาเป็นบรรณาการแทนน้องสาวของเธอ พร้อมกับพีต้า เมลลาร์ก บรรณาการฝ่ายชาย

ลักษณะนิสัยของแคตนิส ที่กล้าคิดกล้าทำ คิดนอกกรอบ อีกทั้งในหลายฉากที่สะเทือนใจประชาชนในพาเน็มเป็นอย่างมาก ถือเป็นการจุดชนวนการปฏิวัติภายในพาเน็มอีกครั้ง เรียกได้ว่า ภาพยนตร์ชุดเรื่องนี้สามารถสร้างแรงบันดาลใจในการขับเคลื่อนสังคมของคนยุคใหม่

การชูสามนิ้ว ที่ได้เห็นในภาพยนตร์ก็ถูกนำมาใช้มากมายในการเรียกร้องความเท่าเทียมในหลากหลายสังคม แม้ว่าบริบทของการชูสามนิ้วในภาพยนตร์ จะมีความหมายว่า ขอบคุณ, สรรเสริญ และลาก่อน ก็ตาม

            ตัวละครแคตนิส จะนำพาเราไปพบกับการเปลี่ยนแปลงสังคมที่ยิ่งใหญ่ ความรัก และมิตรภาพที่เกิดขึ้นระหว่างการต่อสู้กับอำนาจอยุติธรรม The Hunger Games นำแสดงโดย เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์, จอช ฮัทเชอร์สัน, เลียม เฮมส์เวิร์ท, วู้ดดี้ ฮาร์เรลสัน และ เอลิซาเบธ แบงส์

2. The Maze Runner 

ภาพยนตร์ชุดที่สร้างจากนวนิยายในชื่อเดียวกันของ เจมส์ แดชเนอร์ กำกับการแสดงโดย เวส บอล นำแสดงโดย ดีแลน โอ’ไบรอัน, คายา สโคเดลาริโอ, โทมัส แซงสเตอร์, คี ฮง ลี, และ วิลล์ พัลเตอร์ โดย The Maze Runner มีทั้งหมด 3 ภาคด้วยกัน ได้แก่ ภาคแรก The Maze Runner : วงกตมฤตยู ภาคที่ 2 The Maze Runner: สมรภูมิมอดไหม้ และภาคสุดท้าย The Maze Runner : ไข้มรณะ

            WCKD เป็นองค์กรลับของรัฐในขณะนั้น หลังจากจับตัวเหล่าเด็ก ๆ และวัยรุ่นมา โดยอ้างว่าจะดูแลให้ปลอดจากไข้มรณะ ก็ได้สังหารประชาชนที่เป็นผู้ใหญ่ ขับไล่ประชาชนออกไปนอกเมือง เพื่อที่ตน และพรรคพวกจะได้ใชวัคซีนเพียงกลุ่มเดียว

แต่ประชาชนที่รอดมาจากการถูกสังหารก็ได้ร่วมมือกับกลุ่มวัยรุ่นที่ถูกช่วยเหลือให้หนีรอดมาจาก WCKD ในการปฏิวัติเมืองนี้ เพื่อที่ประชาชนทุกคนจะได้รับการรักษาอย่างเท่าเทียม และทั่วถึง และไม่มีการลักพาตัวเด็ก หรือวัยรุ่นคนใดในสังคมอีก

ภาพยนตร์ชุด The Maze Runner เล่าถึงเรื่องราวของกลุ่มวัยรุ่นที่ถูก WCKD องค์กรลับจับตัวมา ลบความทรงจำ และให้วัรุ่นกลุ่มในใช้ชีวิตอยู่ในทุ่งหญ้าที่ล้อมรอบด้วยเขาวงกตคอนกรีตขนาดใหญ่ เพื่อทดสอบศักยภาพทางการ

และภูมิคุ้มกันในตัวของวัยรุ่นกลุ่มนี้ เพื่อนำไขกระดูกของพวกเขาไปผลิตวัคซีนต้านไข้มรณะ ในภาคสุดท้าย โดยเรื่องราวต่าง ๆ จะเล่าผ่านตัวละคร โทมัส ที่รับบทโดย ดีแลน โอ’ไบรอัน และเพื่อน ๆ ของเขา

3. The Divergent Series 

ภาพยนตร์ชุดที่สร้างจากหนังสือขายดีอันดับ 1 ของอเมริกาที่เขียนโดย เวโรนิก้า รอธ ภาพยนตร์ชุดนี้แบ่งออกเป็น 3 ภาค ได้แก่ Divergent คนแยกโลก กำกับโดย เนล เบอร์เกอร์ Insurgent คนกบฏโลก และ Allegiant ปฏิวัติสองโลก กำกับโดย โรเบิร์ต ชเวทเก้ นำแสดงโดย เชลีน วูดลีย์ และทีโอ เจมส์

            The Divergent Series เป็นเรื่องราวของชิคาโก้ หลังจากที่โลกเกิดสงคราม ภายในเมืองนั้นแบ่งกลุ่มคนไว้ทั้งหมด 5 กลุ่ม ได้แก่ Abnegation กลุ่มผู้เสียสละ Amity กลุ่มผู้รักสันติ Candor กลุ่มผู้คุมกฎ Dauntless กลุ่มผู้กล้า และ Erudite กลุ่มผู้มีปัญญา

โดยภาพยนตร์ชุดจะเล่าเรื่องราวผ่านชีวิตของ เบียทริส หรือ ทริส หญิงสาวที่โตมาในกลุ่มผู้เสียสละที่ในขณะนั้น ถือเป็นกลุ่มที่ปกครองเมือง เมื่อถึงเวลาที่ต้องเข้ารับการทดสอบว่าแต่ละคนนั้น เหมาะจะใช้ชีวิตในคนกลุ่มไหนของสังคม

โดยทั่วไปแต่ละคนจะมีผลการทดสอบที่ชัดเจนเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้น แต่ทริสนั้นมีทักษะที่สามารถเข้าได้กับ 3 กลุ่ม ทั้งกลุ่มผู้กล้า กลุ่มผู้เสียสละ และกลุ่มผู้มีปัญญา ซึ่งนั้นทำให้ เจนีน ผู้นำกลุ่มมีปัญญา ที่เชื่อว่าแต่ละคนควรมีทักษะที่เหมาะสมเพียงกลุ่มเดียว ตามล่าทริส และคนที่เป็นแบบทริส ที่เรียกกันว่า ไดเวอร์เจนท์

รวมไปถึงการวางแผนยึดอำนาจจากทุกกลุ่มมาไว้ที่ตนเอง แต่ ทริส และโฟร์ พระเอกของเรื่อง ที่เป็นไดเวรอ์เจนท์เหมือนกัน ก็ช่วยกันปกป้องทุกคนจากแผนการเจนีน และนั่นก็เป็นการจุดประกายในการปฏวัติของทุกกลุ่มคนที่ว่า คนเราสามารถมีทักษะที่หลากหลายได้ และข้อจำกัดอีกมากมายที่ประชาชนในสังคมถูกกดขี่ไว้ด้วยระบบของทั้ง 5 กลุ่มนี้ ทำให้พวกเขาร่วมมือกันเปลี่ยนแปลงสังคมนี้ใหม่

ขอบคุณรูปภาพ
รูปที่ 1 (https://www.imdb.com/title/tt1392170/)
รูปที่ 2 (https://www.lcdtvthailand.com/review/439/รีวิหนัง-:-The-Maze-Runner–ฝ่าวงกตมฤตยู.html)
รูปที่ 3 (https://en.wikipedia.org/wiki/Divergent_(film))

#หนังปฏิวัติ #หนังปฏิติคนรุ่นใหม่ #หนังการเมือง

รีวิวหนัง Netflix : Da 5 Bloods ห้าเลือดอหังการ หนังเสียดสีของทหารผิวดำ

หนังเน็ตฟลิกซ์ หนังสงคราม สงครามเวียดนาม Da 5 Bloods ห้าเลือดอหังการ

เหมือนมาไก้ภูกจังหวะมากๆกับหนังเรื่อง Da 5 Bloods ห้าเลือดอหังการ หนังเน็ตฟลิกซ์ที่ตอนนี้กำลังไต่ระดับความนิยมขึ้นมาเรื่อยๆ เป็นหนังที่คุณจะได้กลิ่นอายของความไม่เท่าเทียมที่แทรกเข้ามา กลิ่นอายของวัฒนธรรมและการใช้ชีวิต เป็นหนังดีๆอีกเรื่องที่แนะนำว่าคุณห้ามพลาดเลยทีเดียว

เรื่องย่อ หนังเน็ตฟลิกซ์ Da 5 Bloods ห้าเลือดอหังการ

เป็นเรื่องราวของเพื่อนทหารที่เคยร่วมรบด้วยกัน อย่าง พอล(เดลรอย ลินโด), เอ็ดดี้(นอร์ม ลูอิส) , โอทิส(คลาร์ก ปีเตอร์), และเมลวิน(อิไซอาห์ วิท์ล็อค จูเนียร์) พวกเขาได้นัดมาเจอกันอีกครั้ง แต่ว่าการนัดกันในครั้งนี้เป็นภารกิจหนึ่งที่พวกเขาจะกลับมาทำมันให้สำเร็จ ก็คือการตามหาทองมูลค่ามหาศาลที่ครั้งหนึ่งในสมัยที่ยังรบด้วยกัน พวกเขาได้เจอกับทองพวกนี้ แต่ก่อนที่พวกเขาจะนำมันกลับไปก็เจอกับอุบัติเหตุเสียก่อน ซึ่งนอกจากนี้พวกเขายังได้สูญเสีบบุคคลสำคัญ นั่นก็คือ ผู้นำหมู่นอร์แมน(แชดวิก บอสแมน) ไปในครั้งนั้นอีกด้วย

หนังเสียดสี ความขัดแย้ง ความเท่าเทียมของทหารผิวดำที่พวกเขาไม่เคยได้รับ

ในสงครามเวียดนามในครั้งนั้นมีทหารผิวดำจำนวนมากถูดส่งไปรบที่ประเทศเวียดนาม แต่กลายเป็นว่าการเสียละของพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้เป็นที่จดจำเท่าที่ควร ในช่วงแรกของหนังเราจะได้รู้เกี่ยวกับเหตุการณ์พวกนี้ ที่ไม่ได้มีแค่เรื่องของการเหยียดสีผิวเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องราวต่างๆที่สะท้อนสังคมอีกด้วย ในช่วงแรกหนังใช้เวลาค่อนข้างเยอะไปกับการปูปมตรงนี้ และปูปมเกี่ยวกับปัญหาของตัวละครทั้งสี่คนที่ชีวิตของพวกเขาหลังสงครามเดินไปในทิศทางไหน ตัวหนังจะตัดสลับกันระหว่างเรื่องราวในปัจจุบัน และเรื่องราวในสมัยสงคราม แต่ว่าจากตัวอย่างแล้วหลายๆคนอาจจะคาดหวังถึงฉากสงครามอันดุเดือดก็เป็นได้ แต่ขอกเบรกไว้ตรงนี้ว่าเรื่องราวส่วนใหญ่นั้นเป็นเรื่องราวในยุคปัจจุบันเสียมากกว่า

หนังเน็ตฟลิกซ์ ที่จะค่อยๆพาคุณคืบคลานเข้าไปสู่เรื่องราวความเป็นมนุษย์

การเดินทางเข้าป่าเพื่อตาหาทองคำในครั้งนี้นั้น ก็เปรียบเสมือนเครื่องย้อนเวลาที่พาพวกเขาย้อนความทรงจำกลับไปในช่วงที่พวกเขายังคงเป็นทหารอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าคุณจะได้เห็นแน่นอนว่าการเดินทางเข้าป่าของพวกเขาได้ส่งผลทางจิตใจของพวกเขาอย่างไรบ้าง และยิ่งเข้าไปลึกมากเท่าไร ก็ยิ่งเผยให้เห็นความดำมืดของจิตใจมนุษย์มากเท่านั้น ตัวหนังจะค่อยๆคลายปมออกมาเกี่ยวกับแต่ละตัวละคร ก่อนที่จะขมวดปมส่งท้ายถึงบทสรุปได้อย่างอยู่หมัด หากใครที่ชื่นชอบ หนังดี หนังเสียดสีสังคม หนังสงคราม ขอแนะนำ หนังเรื่อง Da 5 Bloods เรื่องนี้จาก Netflix

#หนังเน็ตฟลิกซ์ #Da 5 Bloods #หนังสงคราม