รีวิวภาพยนตร์ใน Netflix เรื่องHigh Society

ภาพยนตร์เรื่อง High Society เป็นภาพยนตร์แนวดราม่า ผลงานการกำกับของ บยอนฮยอก โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้นักแสดงมากความสามารถมากมายมาร่วมแสดงไม่ว่าจะเป็นพัคแฮอิล ที่มารับบทเป็น จางแทจุน สามีของ โอซยอน เขาเป็นศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยโซล เขามีความสามารถจนกลายเป็นที่จับตามองและเป็นที่พูดถึงมากขึ้นหลังจากได้ออกรายการทีวี เสวนาปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งเขาได้พูดถึงธนาคารพลเมือง แนวคิดที่แปลกใหม่นอกกรอบ เอื้อต่อประชาชนทุกคน และสามารถยกระดับเศรษฐกิจประเทศได้ คนต่อมาคือซูเอ รับบทเป็น โอซูยอน ภรรยาของ จางแทจุน เป็นภัณฑารักษ์ของศูนย์แสดงงานศิลป์และวัฒนธรรมแถวหน้าของประเทศ และเธอนั่งตำแหน่งรองผู้อำนวยการ ที่กำลังเตรียมการเปิดแกลลอรี่แห่งใหม่ในเครืออีกแห่ง โดยเธอหวังมากว่าแกลลอรี่นี้จะเป็นผลงานส่งให้เธอได้โปรโมตเป็นผู้อำนวยการเร็วขึ้น คนต่อมาคือคิมคังอู รับบทเป็น แพคกวังฮยอน นักธุรกิจที่ให้เป็นผู้สนับสนุนเงินทุนหาเสียงและทุนดำเนินนโยบายของธนาคารพลเมือง และคนสุดท้ายที่จะมาแนะนำในวันนี้คือคิมกยูซอน รับบทเป็น พัคอึนจี อดีตนักศึกษาในคลาส โอซยอน ที่ยอมพลีกายให้ โอซยอน อย่างเต็มใจ ภาพยนตร์ High Society เป็นภาพยนตร์เมื่อปี 2561

เนื้อเรื่องย่อของภาพยนตร์เรื่อง High Society

ภาพยนตร์เรื่อง High Society เปิดเรื่องราวมาที่ คู่สามีภรรยาที่พยายามเข้าไปสู่การเป็นคนชนชั้นบน จากต้นทุนดั้งเดิมของทั้งคู่ที่ก็ไม่ได้ด้อยอะไรมากนัก โดยภรรยาเป็นภัณฑารักษ์และรองผู้อำนวยการของแกลเลอรีศิลปะชื่อดังของกลุ่มธุรกิจที่ร่ำรวย ส่วนฝ่ายสามีก็เป็นศาสตราจารย์ที่มีชื่อเสียงในมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของประเทศ หลังทั้งคู่ค้นพบว่าหนทางสู่การเป็น ไฮโซ ก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด สามีภรรยาคู่นี้จึงหาทางกันและมาลงตัวที่ฝ่ายหนึ่งจะลงเล่นการเมือง ส่วนอีกฝ่ายพยายามจะคว้าตำแหน่งสูงสุดในองค์กรให้ได้ โดยที่ทั้งคู่ก็ต่างมีเงินทุนเบื้องหลังที่มีความเชื่อมโยงกันอยู่ และนอกจากนี้เรื่องราวการเดินไปสู่การเป็นคนชนชั้นบนนี้แล้ว เรื่องก็ยิ่งซับซ้อนขึ้น เมื่อทั้งคู่ต่างก็มีโอกาสมากขึ้นให้ตัวเองสามารถนอกลู่นอกทาง นอกใจคนรักได้ แล้วเรื่องราวของสามีภรรยาของคู่นี้จะเป็นอย่างไรต่อไป ต้องติดตามชมทาง Netflix กับภาพยนตร์เรื่องHigh Society

ความประทับใจหลังดูภาพยนตร์เรื่อง High Society

ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นหนังที่มีเนื้อหาจิกกัดและสะท้อนสังคมอย่างดุเดือด มีการพูดถึงเหล่าไฮโซ ที่มีทั้งอำนาจเงิน เกียรติ ความโลภและกิเลสหนา ที่ตั้งอยู่เหนือความสัมพันธ์ครอบครัว และจิตสำนึกความเป็นมนุษย์  ใครที่ชอบหนังแนวเสียดสีสังคมแบบนี้อยู่แล้ว ต้องดูเลยค่ะ รับรองว่าสนุกน่าติดตาม กับภาพยนตร์เรื่อง High Society

คะแนนของเรื่องนี้ 8.5/10

อ้างอิงภาพจาก www.netflix.com

#รีวิวหนัง Netflix #High Society #หนังเกาหลีNetflix

แนะนำหนัง Disney+ รวม 4 การ์ตูนตลกร้าย ที่คุณจะต้องดู

การ์ตูน Disney+ การ์ตูนเสียดสีสังคม ที่คุณห้ามพลาด

สำหรับสตรีมมิ่งชื่อดัง Disney+ เป็นสตรีมมิ่งที่มีการ์ตูนคลาสสิคหลาย ๆ เรื่องที่เราหาดูได้ยาก อย่างเช่น การ์ตูนดังต่างประเทศ หลาย ๆ เรื่อง ก็ไม่ได้มีในสตรีมมิ่งอื่น หรือไม่ก็มีเพียงแค่ไม่กี่ซีซั่น แต่บอกเลยว่าทางดิสนีย์พลัสจัดเต็มให้เรา ไม่ต้องกลัวเลยว่าเราจะไม่ได้ดูการ์ตูนตลก ๆ บทความนี้เลยจะมาแนะนำ การ์ตูนดังต่างประเทศ เป็นการ์ตูนเสียดสีสังคมที่คุณจะต้องดูให้ได้

1. การ์ตูนเสียดสีสังคม – Family Guy

สำหรับการ์ตูนเรื่องนี้หลาย ๆ คนอาจจะติดใจจากการดูในเน็ตฟลิกซ์มาบ้างแล้ว ซึ่งในเน็ตฟลิกซ์ไม่ได้มีให้ดูตั้งแต่ซีซั่นแรก ๆ แต่บอกเลยว่าสามารถหาดูได้ในดิสนีย์พลัสนี่แหละ ตั้งแต่ซีซั่นแรกยันซีซั่นปัจจุบัน โดยที่จะเป็นเรื่องราวของครอบครัวสุดประหลาย ที่แต่ละคนมีคาร์แรกเตอร์ชัดเจน เสียดสีสังคมได้ในเวอร์ชั่นที่เรายังแอบเคืองกันหน่อย ๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นการ์ตูนก็ตาม รวมไปถึงการล้อเลียนคนดัง รายการดังอื่น ๆ อีกมากมาย

2. การ์ตูนเสียดสีสังคม – The Simpsons

การ์ตูนเรื่องนี้เป็นการ์ตูนที่ดังมาก ๆ ในต่างประเทศ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวตัวสีเหลือง (เคยมีตอนร่วมกับ Family Guy ด้วยนะ) เป็นการ์ตูนที่เสียดสีสังคมชนชั้นกลางได้เจ็บแสบมาก ๆ อีกทั้งเป็นการ์ตูนที่หลาย ๆ คนบอกว่า มีการทำนายที่เกิดขึ้นจริงแล้วหลายเรื่องอีกต่างหาก สำหรับใครที่อยากดูหนังเสียดสีสังคมอเมริกาแบบเจ็บ ๆ ขอแนะนำเรื่องนี้เลย

3. การ์ตูนเสียดสีสังคม – American Dad!

หากคุณชอบแนว Family Guy เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่คุณจะต้องดูให้ได้ มีเนื้อหาเสียดสีที่แรงกว่า (มีตอนที่เกี่ยวกับประเทศไทยด้วยนะ) โดยเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวแปลก ๆ พ่อเป็นเจ้าหน้าที่ CIA และมีการเลี้ยงเอเลี่ยนไว้ที่ห้องใต้หลังคา รวมไปถึงปลาทองพูดได้ บอกเลยว่าการ์ตูนเรื่องนี้ทั้งแปลก ทั้งตลก แถมยังจิกกัดเรื่องราวทางสมคมได้เจ็บแสบมาก ๆ

4. การ์ตูนเสียดสีสังคม – Futurama

สำหรับเรื่องนี้เป็นการ์ตูนเสียดสีสังคม ที่มีการผสมแนวไซไฟเข้ามาด้วย ทำให้ยกระดับการดูการ์ตูนเสียดสีไปอีกแบบ โดยจะเป็นเรื่องราวของเด็กส่งพิซซ่าที่ถูกแช่แข็งเป็น 1,000 ปี แล้วมาใช้ชีวิตท่ามกลางเมืองที่เปลี่ยนไป นอกจากนี้ยังมีหุ่นยนต์ที่นิสัยราวกับมนุษย์ และการดองหัวบุคคลสำคัญต่าง ๆ อีกด้วย สำหรับใครที่มองหา การ์ตูนเสียดสีสังคม การ์ตูนตลก ๆ ต่างประเทศ บอกเลยว่าเรื่องนี้ก็ห้ามพลาดอีกเช่นเดียวกัน

#การ์ตูนเสียดสีสังคม #แนะนำหนัง Disney+ #การ์ตูนตลกร้าย

6 หนังซึ้งเรียกน้ำตา หมดทิชชู่เป็นโหล

หนังดราม่าที่จะทำให้คุณเสียน้ำตา สะเทือนอารมณ์ความรู้สึก ดึงเราเขาสู่ตัวละครของเรื่องราวกับว่าเป็นหนึ่งในนั้น คอหนังแนวนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่าบางเรื่องอาจทำให้บ่อน้ำตาแตกตั้งแต่ 5 นาทีแรกที่ได้ชมเลยทีเดียว เตรียมทิชชู่เอาไว้ในมือให้พร้อม กับหนังซึ้งเรียกน้ำตา ต้องหาไปรับชม

หนังดราม่าที่ดู ร้องไห้หนักมาก อินไปกับทุกบท ทิชชู่หมดกล่อง

                  1. The Best of Me หนังรักโรแมนติกสุดเศร้าเรียกน้ำตาคนดูมาแล้วทั่วโลก ความรักแรกพบของวัยรุ่นหนุ่มสาวในชั้นไฮสคูล ที่มีฐานะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง อแมนด้าสาวน้อยทางบ้านร่ำรวย กับดอว์สันที่ยากจน จึงถูกครอบครัวฝ่ายหญิงกีดกันไม่ให้พบกัน ความรักของทั้งสองจึงถูกพรากจากกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปกว่า 20 ปี ทั้งสองได้มาพบกันอีกครั้งในงานศพของเพื่อนเก่า ซึ่งความรักในครั้งนั้นยังตราตรึงอยู่ในหัวใจ มาร่วมลุ้นไปกับความรักครั้งนี้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป เสียน้ำตาตลอดทั้งเรื่องแน่นอน

                  2. The Fault in Our Stars หรือดาวบันดาลใจ ดัดแปลงมาจากนวนิยายชื่อดังโดยจอห์น กรีน ที่เขาได้เขียนขึ้นจากแรงบันดาลใจในบทละคร Julius Caesar ของ Shakespear เรื่องราวความรักอันแสนเศร้า หนังซึ้งเรียกน้ำตาคนดูตั้งแต่ต้นเรื่อง ฮาเซล กับ ออกกัสตัส ผู้ป่วยโรคมะเร็งปอด ส่วนฮาเซลเคยเป็นโรคมะเร็งจนต้องสูญเสียขาทั้งสองข้าง ความรักที่เกิดขึ้นท่ามการเจ็บป่วย และการดูถูกเหยียดหยามของคนทั่วไป แต่พวกเขาทั้งสองก็ไม่เคยย่อท้อค่อยให้กำลังใจผู้ป่วยมะเร็งด้วยกันอยู่เสมอ ความรักครั้งนี้จะเป็นไปได้หรือไม่ จะมีจุดจบอย่างไร ต้องไม่พลาด

                  3. Train to Busan ชื่อไทย ด่วนนรก ซอมบี้คลั่ง แม้ว่าจะเป็นแนวระทึกขวัญ วิ่งหนีซอมบี้กันกระเจิง แต่แฝงด้วยความสนุก ลุ้นระทึก ดราม่าเรียกน้ำตา เรียกได้ว่าครบทุกรสชาติในเรื่องเดียว จนได้รับการยอมรับจากแฟน ๆ ทั่วโลกว่าเป็นหนังที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งปีเลยก็ว่าได้ ซอกวูชายวัยกลางคนที่ต้องเดินทางไปส่งลูกสาว ซูอา ไปให้อดีตภรรยาในเมืองปูซาน แต่ในระหว่างการเดินทางบนรถไฟกับมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เมื่อขบวนมรณะนี้ถูกโจมตีด้วยเหล่าซอมบี้ที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนและเกิดขึ้นได้อย่างไร จะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ ต้องไปหาติดตามรับชมกันดู

                  4. Hachi: A Dog’s Tale ฮาชิ… หัวใจพูดได้ เป็นหนังที่ดัดแปลงมาจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นจากคำบอกเล่าของ ฮาชิโกะ ในประเทศญี่ปุ่น น้องหมาชื่อ ฮาชิ ถูกรับไปเลี้ยงโดยอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในทุก ๆ เช้าฮาชิจะเดินไปส่งเจ้าของเพื่อขึ้นรถไฟที่สถานี และตอนเย็นจะกลับมารับที่เดิม จนกระทั้งวันหนึ่งทุกอย่างก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่มีวันกลับคืน เมื่อเจ้าของของมันเสียชีวิตลง โดยที่มันไม่มีทางรู้ได้เลย ยังคงทำหน้าที่แบบเดิมอย่างที่เคยทำเป็นประจำ ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี  เกิดเป็นตำนานเล่าขานถึงความภักดีต่อเจ้าของ จากรุ่นสู่รุ่น ผู้คนต่างยกย่องสรรเสริญและเป็นตัวอย่างที่ดีกับเด็ก ๆ นอกจากนี้ยังมีการสร้างอนุสาวรีย์ที่ประตูทางเข้าของสถานีรถไฟชิบูย่ามาจวบจนปัจจุบัน

                  5. Be With You ปาฏิหาริย์ สัญญารัก ฤดูฝน หนังดราม่าเคล้าน้ำตา เรื่องราวของชายคนหนึ่งที่กำลังจะเสียภรรยาไป แต่ก่อนที่จะจากกันไป เธอได้ให้สัญญาว่า จะกลับมาหาเขาอย่างแน่นอนไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม และคำพูดนั้นกลายเป็นความจริง เมื่อเธอฟื้นคืนมา แต่กลับจำเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมาไม่ได้เลย และยังจำชายหนุ่มไม่ได้อีกด้วย เขาจะทำอย่างไรต่อไปเพื่อให้ความรักครั้งนี้กลับคืนมาต้องไปลุ้นกัน รับรองว่าน้ำตาตกจนทิชชู่หมดอย่างแน่นอน

                  6. I am SAM สุภาพบุรุษปัญญานิ่ม แซม ชายหนุ่มที่มีความบกพร่องทางปัญญา แต่มีจิตใจที่แสนงดงาม แต่อยู่มาวันหนึ่งภรรยาได้ทิ้งเขาไปพร้อมกับให้เลี้ยงลูกสาวชื่อว่า ลูซี่ เด็กผู้หญิงน่ารัก ฉลาด เขาเลี้ยงเธอเป็นอย่างดีจนอายุ 7 ขวบ เด็กน้อยก็ได้รู้ความจริงว่าพ่อของเธอไม่ปกติ ไม่นานหลังจากนั้นนักสังคมสงเคราะห์ก็เริ่มเข้ามาแล้วก็พรากลูซี่ไปจากเขา แซมจึงต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อพาลูกสาวกลับมาสู่อ้อมกอดให้ได้ ในส่วนของลูซี่เองก็รักและคิดถึงพ่อเช่นกัน สิ่งที่เขาทำจะสำเร็จหรือไม่ต้องตามไปช่วยเขาในหนังเรื่องนี้

              แม้ว่าหนังบางเรื่องจะเป็นหนังที่ถูกสร้างมานานแล้ว แต่ยังคงเป็นที่นิยมอยู่จนถึงปัจจุบัน หลายคนดูซ้ำหลาย ๆ รอบ เป็นหนังซึ้งที่เรียกน้ำตาตลอดกาล หวังว่าจะถูกใจ และชื่นชอบกัน หากชอบแนวดราม่า สะเทือนใจ และไม่เคยชมมาก่อน แนะนำให้ไปลองหามาดูให้ได้ รับรองทุกเรื่องจะทำให้คุณน้ำตาไหลจนใช้ทิชชู่จนหมดกล่อง

เครดิตภาพ : thecinemaholic.com / kidjapak.com / a-bellamy.com

YouTube :

แนะนำหนังโรแมนติก 50 เรื่อง [ตอนที่4 เศร้า/ซึ้ง/ดราม่า]

#หนังซึ้งเรียกน้ำตา #หนังดราม่าน้ำตาซึม #หนังดราม่าน่าดู

รีวิวหนัง Pandorum

หนังแนวแอ็คชั่นไซไฟเรื่อง Pandorum นี้ ก็ต้องบอกว่า ดีกว่าที่ได้คาดหวังเอาไว้ก่อนดูมาก ๆ เพราะหลังจากที่ลองหาหนังแนวตลุยอวกาศมาดูมากมายหลายเรื่อง เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ประทับใจมาก และ ก็เป็นคำถามว่า เราไปอยู่ไหนมาทำไมเพิ่งเคยดู

เพราะหนังเรื่องนี้ก็เข้าฉายเมื่อปี 2009 นู่นเลย แต่กลับได้รับกระแสที่ไม่ค่อยดีนักจากรายได้ช่วงออกฉาย แต่เมื่อได้ดูแล้วก็ต้องบอกเลยว่า หนังทำออกมาได้เป็นอย่างดี ทั้งสนุก และ น่าติดตามตลอดทั้งเรื่อง และ ยังหลอน และ ลุ้น อีกด้วย

ซึ่งก็กลายมาเป็นหนังอีกเรื่องในดวงใจของผมเลยครับ ทั้งเนื้อหา และ ความน่าตื่นเต้น ที่แม้ว่ามันจะมีหลาย ๆ เรื่อง ทำออกมาแล้ว แต่สำหรับเรื่องนี้มันดีเลยล่ะครับ บอกเลยว่า ตลอดทั้งเรื่อง เราจะค่อย ๆ รู้คำตอบต่าง ๆ ของหนังไปเรื่อย ๆ นี่แหละครับความเจ๋งของมัน จนตอบจบ ก็ยังต้องมานั่งวิเคราะห์หาคำตอบกันอีกเลยทีเดียว ซึ่งบอกเลยว่าใครยังไม่เคยดูต้องหามาดูกันเลยครับ

ขอบคุณรูปภาพปกจาก doomovie-hd.com

เนื้อเรื่องของหนัง Pandorum

สำหรับเนื้อเรื่องของหนังเรื่อง Pandorum ก็เกี่ยวกับยานอวกาศซึ่งเป็นยานขนส่ง และ พาผู้คนกลุ่มหนึ่งขึ้นไปทดลอง การใช้ชีวิตอยู่บนดาวดวงใหม่ เพราะใกล้ถึงเวลาที่โลกจะถึงกาลอวสานแล้ว แต่ด้วยการใช้เวลาในการเดินทาง เป็นร้อย ๆ ปี

จึงต้องใช้วิธีการให้มนุษย์บนยานขนส่งหลับไปยาว ๆ แบบว่าสตาฟร่างกายเอาไว้ และ เมื่อฟื้นถึงเวลาขึ้นมา ความทรงจำต่าง ๆ ก็จะเริ่มย้อนคืนกลับมาเรื่อย ๆ แต่เมื่อสองนักบินอวกาศผู้ทำหน้าที่ในการขับย่าน ได้ตื่นขึ้นมาในเวลาที่ครบกำหนดการทำหน้าที่ กลับพบว่าในยานอวกาศได้มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น และ มีตัวสัตว์ประหลาด อยู่ภายในยาน และพวกเขาทั้งคู่จะสามารถเอาชีวิตรอดได้หรือไม่ ก็ต้องติดตามกันในหนังได้เลยครับ

วิดีโอตัวอย่างหนัง :

นักแสดงของหนัง Pandorum

สำหรับนักแสดงของหนังเรื่อง Pandorum ผู้ที่รับบทนักบินอวกาศ เดนนิส เคว็ด กับ เบน ฟอสเตอร์ ก็สามารถถ่ายทอดการแสดงออกมาได้เป็นอย่างดี ทำให้เราเข้าถึงและอินไปกับหนังเป็นอย่างมาก และ ยังมีนักแสดงสมทบอีกมากมาย ทั้ง อันท์เจ ทรอว์ นักแสดงสาว แคม จีกอนเดต์ , คุง ลี ,นอร์แมน ลีดัส , เอ็ดดี้ รูส ซึ่งก็สามารถถ่ายทอดการแสดงออกมาได้เป็นอย่างดี และ ก็เข้าถึงบทหนังเป็นอย่างมาก นอกจากจะได้รับชม หนังสนุก ๆ มันส์ ๆ น่าติดตามแล้ว ก็ยังได้ดูการแสดงที่เข้มข้น และ น่าสนใจ เป็นอย่างมาก ซึ่งหากใครที่กำลังมองหาหนังสนุก ๆ สักเรื่องมาดูในช่วงวันหยุดอยู่ ก็แนะนำกับเรื่องนี้เลยครับ

ขอบคุณรูปภาพจาก movie.mthai.com

#Pandorum #หนังแอ็คชั่นไซไฟ #หนังผจญภัยอวกาศ

รีวิวหนัง Pulp Fiction

หนังจากยอดผู้กำกับหนังดี ที่การทำหนังของเขาออกมาแต่ละเรื่องล้วนแล้วแต่สร้างความฮือฮา ทั้งคำชื่นชม และ ด้านความบันเทิง เควนติน ทาลันติโน สร้างหนังเรื่องนี้ออกมาในปี 1994 เป็นปีที่เรียกได้ว่าการแข่งขันในด้านของหนังคุณภาพนั้นสูงมากๆ โดยในปีนั้นมีหนังที่ออกฉายมาพร้อมๆกัน อย่าง Forest Gump , Shawshank Redemption และ The Lion king ซึ่งแต่ละเรื่องทุกคนน่าจะรู้จักกันดีในด้านของคุณภาพของหนัง แต่แม้ว่าหนังเรื่อง Pulp Fiction จะไม่สามารถเข้าไปต่อกรในเวทีรางวัลต่างๆเพื่อคว้ารางวัลได้ แต่ก็ได้รับการยอมรับจากนักวิจารณ์มากมายในแง่บวก และนั่นก็ส่งผลให้ผู้กำกับอย่าง เควนติน ทาลันติโน กลายเป็นที่ยอมรับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะออกมากว่า 20 กว่าปี แล้ว แต่ก็ต้องบอกว่าเป็นหนังที่ไม่เก่าเลย ทั้งเนื้อเรื่อง และ การนำเสนอของหนัง งานด้านภาพความพิถีพิถัน และการแสดงที่เรียกได้ว่าขึ้นหิ้งของเหล่านักแสดง ที่ผมชอบที่สุดในหนังก็ต้องยกให้ในส่วนของการแสดงเลยครับ คือดีงามพระราม9 มาก ๆ ซึ่งยอมรับเลยว่า มันทำให้นึกถึงหนังในยุคนี้ที่ทำออกมานั้นไม่มีเสน่ห์ได้เหมือนกับหนังเก่าๆเลย

ขอบคุณรูปภาพปกจาก indiewire.com

เนื้อเรื่องของหนัง Pulp Fiction

Pulp Fiction เป็นหนังที่นำเสนอเรื่องราว 3 เรื่องราวในหนังเรื่องเดียว เหมือนเราได้ดูหนังแยกย่อยในหนังเรื่องเดียวที่มีความต่อเนื่องกัน โดยผ่านตัวละคร วินเซนต์ รับบทโดย จอห์น ทราโวต้า ซึ่งรับบทเป็นนักฆ่า ซึ่งมีคู่หูคือ จูลล์ รับบทโดย แซมมัวแอล แจ็คสัน โดยทั้งคู่รับหน้าที่ในการตามงานที่ได้รับหมอบหมาย ไม่ว่าจะเอาของที่ถูกขโมยไปคืนมา หรือ ตามเก็บคน และแม้กระทั่ง การดูแลเมียของหัวหน้า ซึ่งเรื่องราวมันช่างอิรุงตุงนังซะเหลือเกิน และจุดจบของพวกเขาจะเป็นอย่างไรนั้นก็ต้องไปติดตามกันในหนังครับ

วิดีโอตัวอย่างหนัง :

สิ่งที่ได้จากหนังเรื่อง Pulp Fiction

Pulp Fiction ทำให้เราได้รู้เกี่ยวกับเรื่องของความเชื่อ และบวกรวมเข้ากับเรื่องของความเชื่อทางศาสนา พระเจ้ามอบชีวิตให้กับเรา แต่เราเองที่ไม่ทำให้มันดี และพระเจ้าจะให้โอกาสเรา และเราต้องเลือกว่าจะหันกลับมาเดินไปในทางที่ดีหรือจะเลือกเดินในทางที่เลว หนังสอนให้เราได้เข้าใจในตรงจุดนี้อย่างแยบยล มันทำให้เราได้รู้ว่า คนที่ไม่ดีก็ใช่ว่าจะมีจิตใจไม่ดีเสมอไป ทุกอย่างอยู่ที่เราแล้วและก่อนมันจะสายไปจะมีคำเตือนมาเสมอ

ขอบคุณรูปภาพจาก juanvilar.com

#อย่าตายถ้ายังไม่ดู #Pulp Fiction #สุดยอดหนังต้องดู

รีวิวหนัง once upon a time in hollywood

หนังเรื่องนี้กำกับโดยผู้กำกับ ยอดฝีมืออีกหนึ่งคน ในวงการหนัง เขาคือ เควนติน ทารันติโน ก็ต้องบอกเลยว่าหนังที่เขาสร้างแต่ละเรื่องไม่เคยทำให้ผิดหวัง และการตีความในมุมมองของหนังเรื่องนี้ once upon a time in Hollywood เขาสามารถถ่ายทอดความงดงามของฮอลลีวูดในยุคนั้นออกมาให้เราผู้ชมที่ไม่เคยรู้ ได้ย้อนวันเวลาไปชมความน่าพิศมัยว่ากาลครั้งหนึ่งในฮอลลีวูดมันสวยงามแค่ไหน แล้วคุณจะประทำใจกับหนังเรื่องนี้ครับ ห้ามพลาดโดยเด็ดขาด

เนื่อเรื่องของหนัง once upon a time in hollywood

หนังที่จะพาเราย้อนยุคไปชมบรรยากาศของฮอลลีวูด ในปี 1969 ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นปีที่สิ้นสุดของยุคฮิปปี้ และเป็นปีที่มีเรื่องราวเหตุสะเทือนขวัญเกิดขึ้นในวงการหนังฮอลลีวูด โดยเรื่องนี้มีการอิงมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เมื่อ ชาร์ลส์ แมนสัน ซาตานในคราบฮิปปี้ ได้ตั้งลัทธิขึ้นที่มีความคิดเหยียดสีผิว และความคิดของเขาคือการตั้งใจก่อเหตุฆาตกรรมเพื่อโยนความผิดให้กับคนผิวดำ ในคืนหนึ่งกลุ่มของเขาได้ก่อเหตุการณ์สะเทือนขวัญขึ้น โดยการบุกเข้าไปที่บ้านพักของผู้กำกับหนังชื่อดัง และสังหารภรรยาของเขา ซึ่งเป็นดาราฮอลลีวูดและเธอกำลังตั้งครรค์ได้ 8 เดือน พร้อมกับเพื่อน ๆ ของเธอ อีก 4 คน อย่างโหดเหี้ยม

นักแสดงของหนังเรื่อง once upon a time in Hollywood

หนังเรื่องนี้นำแสดงโดย ลีโอนาร์โด ดิคราปริโอ และแบรด พิตต์ ร่วมด้วย อัล ปาชิโน , เคิร์ต รัสเซลล์ และอีกมากมาย เป็นหนังที่รวมอาดารามากฝีมือมาไว้ในหนังเรื่องนี้ และแต่ละคนชื่อชั้นไม่ต้องพูดถึง การันตีด้วยรางวัลต่าง ๆ มากมาย ทั้งออสการ์ และลูกโลกทองคำ ท่านจะได้รับชมการแสดงที่เรียกได้ว่าสมบทบาท และเพลิดเพลินไปกับตัวละครที่เขาได้รับบทบาท จนเราเชื่อว่าตัวละครนั้นมีตัวตนอยู่จริง

โดยในเรื่อง ลีโอนาร์โด ดิคราปริโอ รับบทเป็นนักแสดงฮอลลีวูดผู้มีชื่อเสียง โดยมี แบรด พิตต์ รับบทเป็นบอดีการ์ดประจำตัวของเขา และทั้งสองคนก็เป็นตัวดำเนินเรื่องที่จะพาให้เรา เดินทางย้อนเวลาเพื่อรับรู้กับเหตุการณ์ ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในฮอลลีวูด ในปี 1969 ว่ามีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นบ้าง ทั้งการมีชื่อเสียงโด่งดังของ บรูซ ลี ยุคของผู้กำกับหนังชื่อดัง โรมัน โปรันสกี และ เหตุการณ์สะเทือนขวัญ ที่เกิดขึ้นกับดาราหนัง ชาลอน เทต ที่บทสรุปของหนัง จะจบลงอย่างไร  once upon a time in Hollywood คือคำตอบครับ

รีวิวหนัง once upon a time in hollywood

หนังเรื่องนี้กำกับโดยผู้กำกับ ยอดฝีมืออีกหนึ่งคน ในวงการหนัง เขาคือ เควนติน ทารันติโน ก็ต้องบอกเลยว่าหนังที่เขาสร้างแต่ละเรื่องไม่เคยทำให้ผิดหวัง และการตีความในมุมมองของหนังเรื่องนี้ once upon a time in Hollywood เขาสามารถถ่ายทอดความงดงามของฮอลลีวูดในยุคนั้นออกมาให้เราผู้ชมที่ไม่เคยรู้ ได้ย้อนวันเวลาไปชมความน่าพิศมัยว่ากาลครั้งหนึ่งในฮอลลีวูดมันสวยงามแค่ไหน แล้วคุณจะประทำใจกับหนังเรื่องนี้ครับ ห้ามพลาดโดยเด็ดขาด

เนื่อเรื่องของหนัง once upon a time in hollywood

หนังที่จะพาเราย้อนยุคไปชมบรรยากาศของฮอลลีวูด ในปี 1969 ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นปีที่สิ้นสุดของยุคฮิปปี้ และเป็นปีที่มีเรื่องราวเหตุสะเทือนขวัญเกิดขึ้นในวงการหนังฮอลลีวูด โดยเรื่องนี้มีการอิงมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เมื่อ ชาร์ลส์ แมนสัน ซาตานในคราบฮิปปี้ ได้ตั้งลัทธิขึ้นที่มีความคิดเหยียดสีผิว และความคิดของเขาคือการตั้งใจก่อเหตุฆาตกรรมเพื่อโยนความผิดให้กับคนผิวดำ ในคืนหนึ่งกลุ่มของเขาได้ก่อเหตุการณ์สะเทือนขวัญขึ้น โดยการบุกเข้าไปที่บ้านพักของผู้กำกับหนังชื่อดัง และสังหารภรรยาของเขา ซึ่งเป็นดาราฮอลลีวูดและเธอกำลังตั้งครรค์ได้ 8 เดือน พร้อมกับเพื่อน ๆ ของเธอ อีก 4 คน อย่างโหดเหี้ยม

นักแสดงของหนังเรื่อง once upon a time in Hollywood

หนังเรื่องนี้นำแสดงโดย ลีโอนาร์โด ดิคราปริโอ และแบรด พิตต์ ร่วมด้วย อัล ปาชิโน , เคิร์ต รัสเซลล์ และอีกมากมาย เป็นหนังที่รวมอาดารามากฝีมือมาไว้ในหนังเรื่องนี้ และแต่ละคนชื่อชั้นไม่ต้องพูดถึง การันตีด้วยรางวัลต่าง ๆ มากมาย ทั้งออสการ์ และลูกโลกทองคำ ท่านจะได้รับชมการแสดงที่เรียกได้ว่าสมบทบาท และเพลิดเพลินไปกับตัวละครที่เขาได้รับบทบาท จนเราเชื่อว่าตัวละครนั้นมีตัวตนอยู่จริง

โดยในเรื่อง ลีโอนาร์โด ดิคราปริโอ รับบทเป็นนักแสดงฮอลลีวูดผู้มีชื่อเสียง โดยมี แบรด พิตต์ รับบทเป็นบอดีการ์ดประจำตัวของเขา และทั้งสองคนก็เป็นตัวดำเนินเรื่องที่จะพาให้เรา เดินทางย้อนเวลาเพื่อรับรู้กับเหตุการณ์ ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในฮอลลีวูด ในปี 1969 ว่ามีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นบ้าง ทั้งการมีชื่อเสียงโด่งดังของ บรูซ ลี ยุคของผู้กำกับหนังชื่อดัง โรมัน โปรันสกี และ เหตุการณ์สะเทือนขวัญ ที่เกิดขึ้นกับดาราหนัง ชาลอน เทต ที่บทสรุปของหนัง จะจบลงอย่างไร  once upon a time in Hollywood คือคำตอบครับ

#once upon a time in Hollywood #รีวิวหนังฮอลลีวูด #หนังดังหนังดี

รีวิวหนัง Dukhtar ภาพยนตร์เสียดสีเรื่องสิทธิสตรีได้ดีที่สุด

ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบดูภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องกับการเสียดสีสังคม คุณสามารถหาดูได้ทั่วไป เพราะปัจจุบันมีหลายประเทศที่ทำภาพยนตร์แนวเสียดสีสังคมออกมาอย่างมากมาย ทั้งเรื่องสิทธิสตรี LGBT ปัญหาเรื่องการบูลลี่ ปัญหาสีผิใ ปัญหาเรื่องเชื้อชาติ ฯลฯ ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับปัญหาสังคมของแต่ละประเทศที่ต้องการจะถ่ายทอดออกมาผ่านภาพยนตร์ ยิ่งถ้าประเทศที่ผลิตภาพยนตร์นั้น ๆ เป็นประเทศที่ประสบปัญหาอย่างแม้จริง จะยิ่งทำให้ตัวของหนังมีความสมจริงมากขึ้น อย่างเรื่องที่เราจะมารีวิววันนี้ก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสิทธิสตรีโดยตรง มีชื่อเรื่องว่า Dukhtar นั่นเอง

ขอบคุณเครดิตภาพปกจาก  pri

เรื่องย่อ Dukhtar

Dukhtar เป็นภาพยนตร์สัญชาติปากีสถานที่เข้าฉายใน Netflix ว่าด้วยเรื่องราวของสองแม่ลูกที่ถูกไล่ล่าเพราะหนีพิธีคลุมถุงชน อัลล่า ราคี คนเป็นแม่ที่ต้องพาลูกสาววัย 14 ปี หนีพิธีคลุมถุงชนกับเจ้าบ่าวที่อายุราวพ่อ เธอทำใจไม่ได้ที่จะเห็นลูกสาวแต่งงานกับชายแก่ที่เป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่เพราะไม่อยากให้อนาคตลูกสาวซ้ำรอยกับต้น ตนพยายามพาลูกสาวหนีไปบ้านเกิดของเธอที่เธอไม่เคยได้กลับไปเลยตั้งแต่แต่งงาน

แต่ว่าการหนีครั้งนี้ไม่ใช่เรื่อง่าย เพราะแทบทุกตารางนิ้วของพื้นที่เต็มไปด้วยอิทธิพลของจอร์แซร์ ข่าน คนที่ลูกสาวของเธอต้องแต่งงานด้วย แต่ด้วยความบังเอิญ เธอได้รับความช่วยเหลือของโซฮาล คนขับรถบรรทุกหนุ่มรูปงามที่พบโดยบังเอิญ ทำให้จับพลัดจับพลู เขาต้องจำใจช่วยเธอกับลูกให้พ้นจากเงื้อมือของจอร์แซ ข่าน เพื่อพาสองแม่ลูกไปส่งให้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย

Dukhar หนังที่เสียดสีความเหลื่อมล้ำของผู้หญิงได้อย่างเจ็บแสบ

ประเด็นหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้คือประเด็นที่ต้องการเสียดสีเรื่องของสตรีในประเทศแถบตะวันออกกลาง ที่มีความเหลื่อมล้ำทางเพศสูง โดยเฉพาะเพศหญิงที่ต้องเปรียบเหมือนช้างเท้าหลังของสามี ผู้หญิงต้องแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อยด้วยวิธีการคลุมถุงชน พอหลังจากแต่งงานฝ่ายชายาจะเป็นใหญ่สุดในบ้าน ภรรยาแทบไม่มีสิทธิ์ ไม่มีเสียงในการแสดงความคิดเห็นอะไรเลย อย่างในภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ตัวของราคีถูกจับแต่งงานตั้งแต่อายุ 15 หลังจากแต่งงานเธอต้องย้ายมาอยู่ในเมืองของสามี เธอไม่มีโอกาสได้กลับไปเยี่ยมแม่ที่บ้านเกิดอีกเลย และเธอก็ไม่มีสิทธิ์ ไม่มีเสียงในการแสดงความคิดเห็นกับสามี แม้กระทั่งเรื่องที่ลูกเธอถูกบังคับให้แต่งงานกับชายชราอายุคราวพ่อ เธอก็ไม่สามารถคัดค้านสามีได้ นั่นทำให้เธอตัดสินใจพาลูกสาวหนี และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดของภาพยนตร์เรื่องนี้

คะแนนรีวิว 10/10

ขอบคุณเครดิตภาพจาก  rababistan official

#Dukhar #รีวิวหนังน่าดู #หนังเสียดสีสังคม

รีวิวหนัง Netflix : The Last Letter From Your Lover หนังรักอบอุ่นหัวใจของสองช่วงเวลา

หนังรักโรแมนติค Netflix หนังแนะนำ The Last Letter From Your Lover

นาน ๆ ที จะมีหนังรักอย่าง The Last Letter From Your Lover เข้าผ่านตามาให้เห็นทางเน็ตฟลิกซ์ แน่นอนว่าถ้าใครได้ดูตัวอย่างแล้ว อาจจะดูเป็นพล็อตที่ไม่ได้ใหม่อะไร เป็นความการเล่าเรื่องราวความรักของคนสองยุคที่ตัดสลับกันไปมา แต่คุณจะพบว่ามันทรงพลังและน่าดึงดูดมาก ๆ เพราะฉะนั้นในบทความนี้ เราจะมาค่อย ๆ ดูกันว่า หนังรักโรแมนติค Netflix เรื่องนี้ จะน่าดูแบบในตัวอย่างหรือเปล่า

เรื่องย่อ หนังรัก The Last Letter From Your Lover

เป็นเรื่องราวของนักข่าวสาวคนหนึ่ง ที่มีชีวิตรักที่มักจะผิดหวัง เมื่อวันหนึ่งเธอได้ไปเจอเข้ากับ จดหมายรักเก่า ซึ่งเธอก็ได้พยายามตามหาที่มาของจดหมาย และพบว่าคู่รักในจดหมายนั้น ยังมีชีวิตอยู่ในปปัจจุบัน ซึ่งก็คือหญิงสาวที่ประสบอุบัติเหตุจนเสียความทรงจำ เธอนั้นเคยมีความรักต้องห้ามกับชายหนุ่มคนหนึ่ง ในขณะที่เธอแต่งงานแล้ว ปัจจุบันเขาและเธอก็ยังไม่ได้มีโอกาสปรับความเข้าใจกัน

สามารถดูตัวอย่างได้ที่

The Last Letter From Your Lover หนังรัก พล็อตเรื่องไม่ใหม่ แต่ทรงพลัง

อย่างที่ได้กล่าวไปในข้างตนว่า พล็อตเรื่องของหนังเรื่องนี้ไม่ใช่พล็อตเรื่องใหม่อะไร เรื่องราวความสัมพันธ์ของทั้งสองคู่นั้นก็ดูเหมือนจะไม่ได้มีน้ำหนักเท่าไรนัก หลาย ๆ คน อาจจะมองว่าพล็อตแบบนี้ตกยุคไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ด้วยความที่พล็อตมันเก่า เลยทำให้ยังมีความขลังบางอย่าง และยิ่งเป็นการเล่าเรื่องแบบตัดสลับไปมาระหว่างสมัยก่อนกับปัจจุบัน ถึงแม้คนดูจะเดาทางได้ แต่ก็ยังน่าติดตามและเอาใจช่วยในความรักของพวกเขาอยู่ดี เลยทำให้บทสรุปความโรแมนติคของเรื่องนี้ยังถือว่าพอได้ แต่การเล่าเรื่องอาจจะง่ายไปหน่อยเท่านั้นเอง

หนังรัก Netflix The Last Letter From Your Lover ภาพสวย นักแสดงดี

ถึงแม้ว่าอาจจะมีปัญหาใหญ่ตรงพล็อตเรื่องที่ไม่ค่อยมีน้ำหนักนัก แต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดจนดูไม่ได้ และสิ่งที่ทำให้คนดูอิ่มเอมกับหนังเรื่องนี้เลยก็คือ ความรักอันแสนจะหวานเลี่ยนแบบเก่า ๆ นี่แหละ และยิ่งบรรยากาศในการถ่ายทำของสองช่วงยุคสมัยก็ทำออกมาได้ดีมาก ๆ ทำให้เราเห็นความต่าง และมนต์เสน่ห์ของความรักที่ต่างยุคกันออกไปด้วยเช่นเดียวกัน อีกทั้งนักแสดงของเรื่องนี้ ก็แสดงได้อย่างเต็มที่ ถึงแม้ว่าตัวบทของตัวละครจะยังไม่ค่อยเต็มที่นัก แต่งานนี้นักแสดงแต่ละคนก็พยายามทำให้ตัวละครของตัวเองดูมีเสน่ห์มากที่สุด มาถึงตรงนี้ก็บอกได้เลยว่า สำหรับใครที่คิดถึงบรรยากาศ หนังรักโรแมนติค ต่างประเทศ ที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก ก็ควรจะต้องดูแล้วล่ะ

#The Last Letter From Your Lover #หนังรัก Netflix #แนะนำหนัง Netflix

รีวิวหนัง Netflix : Blood Red Sky เมื่อโจรปล้นเครื่องบินปะทะกับแวมไพร์สุดโหด

หนังแวมไพร์ Blood Red Sky หนังปล้นเครื่องบิน Netflix

เรียกได้ว่ากระแสหนัง Blood Red Sky ของ Netflix ค่อนข้างมาแรงพอสมควร เนื่องจากพล็อตเรื่องของเรื่องนี้ค่อนข้างโดดเด่นมาก ๆ แถมยังใจถึง เลือดสาดกันพอสมควร ใครที่เป็นแฟน หนังระทึกขวัญ ที่มีความเป็น หนังแอ็คชั่น เอาตัวรอด ปนมาอยู่ด้วย แทรกด้วยปมดราม่าตามประสา น่าจะชอบมาก ๆ เพราะส่วนตัวแล้วคิดว่าหนังเรื่องนี้เป็น หนังมันส์ ๆ เรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

เรื่องย่อ หนังเน็ตฟลิกซ์ Blood Red Sky

เป็นเรื่องราวของแม่ลูกคู่หนึ่ง ที่ตัดสินใจบินไปยังอเมริกา เนื่องจากคนเป็นแม่ต้องไปรักษาโรคบางอย่าง แต่แล้วเมื่ออยู่บนเครื่องบิน กลับมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ได้มีผู้ก่อการร้ายพยายามจี้เครื่องบิน ทำให้งานนี้เกิดความวุ่นวายบนเครื่องบินอย่างหนัก ทำให้คนเป็นแม่ต้องทำทุกอย่างเพื่อปกป้องลูกของตัวเอง ถึงแม้ว่าจะเป็นการเปิดเผยตัวตนในด้านที่เธอไม่อยากให้ใครรับรู้ก็ตาม

สามารถรับชมตัวอย่างได้ที่

Blood Red Sky หนังระทึกขวัญ เลือดสาด เพราะความโหดของแวมไพร์

สำหรับโรคปริศนาที่คนแม่เป็นนั้นก็คือแวมไพร์ (ไม่ถือว่าสปอยล์) ที่ทำให้เรื่องราวมันน่าสนใจมากกว่า โจรจี้เครื่องบินเรื่องอื่น ๆ เพราะดีกรีความโหดและเลือดสาดของเรื่องนี้ บอกเลยว่าใจถึงพอสมควร และที่บอกว่าโหด ไม่ใช่แค่ตัวแวมไพร์เอง เพราะทางฝั่งโจรเองก็โหดไม่ใช่เล่น แถมการวางแผนจี้เครื่องบินนั้น ก็วางแผนมาเป็นอย่างดี มีเหตุผลความเป็นไปได้ยอมรับอยู่ ซึ่งตรงนี้ถือว่าน่าประทับใจมาก ๆ แต่ความสนุกหลักของเรื่องก็อยู่ที่การต่อสู้กันไปมาระหว่างแวมไพร์กับโจรนี่แหละ เพราะทางโจรที่โหดอยู่แล้วกับแม่ที่เป็นแวมไพร์ ก็ต้องจำใจโหดเพื่อปกป้องลูก ใครที่ชอบหนังระทึกหน่อย ต้องถูกใจอย่างแน่นอน

หนังแวมไพร์ Blood Red Sky แวมไพร์สมัยใหม่ น่ากลัวกว่าเดิม ?

สำหรับอีกเรื่องที่อยากจะขอชื่นชมก็คือ รายละเอียดของตัวแวมไพร์ในเรื่อง ซึ่งค่อนข้างแปลกใหม่และดีมาก ๆ เพราะเราจะได้เห็นรูปลักษณ์ที่ต่างจากที่เราเคยเห็นเล็กน้อย คือมีความน่าขนลุกขึ้นนั่นแหละ เป็นการใส่ความใหม่ลงไปให้กับแวมไพร์ แต่ในขณะที่ข้อจำกัดคลาสสิคบางอย่างก็ยังคงอยู่ อย่างเรื่องแสงอาทิตย์ เป็นต้น และที่สำคัญก็คือ แวมไพร์เวอร์ชั่นนี้ ต้องเติมเลือดเป็นระยะ เมื่อร่างกายอ่อนแอ ทำให้ตัวละครดูมีมิติ ไม่ได้เก่งเวอร์จนไม่มีข้อบกพร่อง จนเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบเสมอไป จึงเป็นอีกจุดที่ทำให้ตัวหนังมีความนัวมากขึ้นไปอีกเท่าตัว สำหรับใครที่อยากดู หนังระทึกขวัญ แวมไพร์ แบบใหม่ ๆ ขอแนะนำให้ลองดูเรื่องนี้เลย รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน

#Blood Red Sky #หนังแวมไพร์ #หนังระทึกขวัญ เลือดสาด

A Quiet Place Part II ภาพยนตร์ดีที่คุณควรรับชม

ปกติแล้วเวลามีภาพยนตร์เรื่องใดเรื่องหนึ่งประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ทางผู้สร้างก็มักจะทำการออกภาค 2 ตามมาเนื่องจากมันสามารถทำงานได้เป็นอย่างดี แต่ภาพยนตร์ส่วนใหญ่ก็มักจะต้องพบเจอกับอาถรรพ์ภาพยนตร์ภาคต่อที่ดันทุรังทำออกมาเพื่อเอาเงินจากผู้รับชมเท่านั้น แต่ไม่ใช่กับภาพยนตร์เรื่อง A Quiet Place Part II เนื่องจากในภาคแรกนั้นได้จบแบบทิ้งปริศนาเอาไว้ เวลาสร้างภาคต่อมามันจึงไม่น่าเกลียด ไม่เพียงเท่านั้นมันยังสร้างความอยากรู้อยากเห็นให้กับผู้รับชมอีกด้วยว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป แม้ว่ากระแสภาค 2 จะไม่เปรี้ยงป้างเท่ากับตอนออกภาคแรกเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 แต่หากใครที่เคยรับชมภาคแรกมาก่อนเราขอแนะนำว่าคุณไม่ควรพลาดภาพยนตร์ภาคต่อเรื่องนี้โดยเด็ดขาด

https://in.bookmyshow.com/tadipatri/movies/a-quiet-place-part-2

เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง A Quiet Place Part II

https://thestandard.co/a-quiet-place-part-ii/

หากใครที่ยังไม่ได้รับชมภาพยนตร์เรื่อง A Quiet Place Part II ข้อความต่อไปนี้อาจเปิดเผยข้อมูลสำคัญ ในภาคนี้ภาพยนตร์จะยังคงเล่าเรื่องถึงครอบครัวแอบบ็อตเหมือนเดิม หลังจากที่ครอบครัวต้องสูญเสียสมาชิกไปจนทำให้เหลือเพียงแค่แม่ พี่สาวคนโตที่หูหนวกและเป็นใบ้ น้องชายคนกลางที่ขี้กลัว และเด็กทารกที่เพิ่งคลอดออกมาได้ไม่นาน พวกเขาก็ต้องเดินทางออกจากบ้านเนื่องจากเมื่อครั้งที่ถูกเหล่าเอเลี่ยนบุกเข้ามาโจมตี บ้านได้รับความเสียหายอย่างหนักจนไม่สามารถอาศัยอยู่ได้อีกต่อไป ที่สำคัญคือพวกเขารู้วิธีการต่อกรกับเหล่าสัตว์ประหลาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากเดินทางไปพบกับคนกลุ่มอื่นก็จะสามารถช่วยมวลมนุษยชาติที่ต้องอาศัยอยู่อย่างเงียบสงบให้สามารถกลับมาทวงคืนโลกใบนี้ได้สำเร็จ สิ่งนั้นก็คืออุปกรณ์ช่วยฟังของลูกสาวคนโตนั่นเอง แต่การเดินทางท่ามกลางอันตรายและมนุษย์ที่เปลี่ยนไปหลังจากต้องเอาตัวรอดท่ามกลางสภาวะกดดันเป็นเวลานานกว่าหนึ่งปี เต็มไปด้วยความยากลำบากและอุปสรรคที่ทำให้พวกเขานั้นต้องเผชิญกับความอันตรายอย่างถึงที่สุด แม้ว่าจะเอาตัวรอดมาได้แต่พี่สาวคนโตก็สามารถแกะสัญญาณจากเพลงวิทยุและต้องการจะเดินทางไปยังเกาะที่อยู่ใกล้กัน แม้ว่าผู้เป็นน้องชายจะไม่เห็นด้วยแต่สุดท้ายแล้วเธอก็แอบทุกคนเดินทางไปตามลำพัง เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป น่าติดตามรับชมต่อได้ในภาพยนตร์

ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง A Quiet Place Part II

https://pantip.com/topic/40803497

            A Quiet Place Part II จะไม่ได้เป็นภาพยนตร์ที่เน้นความเงียบเหมือนในภาค 1 อีกต่อไป ในภาคนี้จะมีองค์ประกอบหลายอย่างที่ช่วยให้เราได้ยินเสียงการพูดคุยกันของมนุษย์มากยิ่งขึ้น แม้ว่ามันจะไม่ได้เล่นกับความเงียบ แต่ภาพยนตร์ก็ยังคงสามารถถ่ายทอดความเครียดและความกดดันได้เหมือนเดิม เพียงแต่เพิ่มเติมความสนุกสนานในการต่อสู้เข้ามามากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าการถ่ายทอดเรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สามารถทำออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีช่วงจังหวะที่ทำให้เรารู้สึกเบื่อเลยแม้แต่น้อยขณะการรับชม

Link :

#A Quiet Place Part II #หนังระทึกขวัญ #รีวิวหนังน่าดู