5 ภาพยนตร์แนวสงคราม หนังดีที่คุณควรดูสักครั้งในชีวิต

ภาพยนตร์สงคราม เป็นอีกแนวหนังหนึ่งที่หลายคนชื่นชอบ เนื่องจากมีฉากแอคชัน ความกล้าหาญ เสียสละ และวีรบุรุษ ซึ่งบางเรื่องสร้างมาจากเรื่องจริงในประวัติศาสตร์ แต่บางเรื่องอาจสร้างขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น จะมีเรื่องไหนบ้างที่เป็นหนังดีที่สุดต้องดูสักครั้งในชีวิต มันส์ สมจริง ไม่ควรพลาดแม้แต่เรื่องเดียว

หนังสงคราม เดือด สนุก มันส์ หนังดีที่ต้องดู

                  1. Megan Leavey (2017) บอกเล่าเรื่องของ เมแกนลีวี่ สาววัย 20 ปีที่เบื่อชีวิต วัน ๆ ไม่ทำอะไร เธอจึงสมัครเป็นนาวิกโยธิน และได้ทำผิดวินัยจึงถูกส่งให้ไปล้างกรงสุนัขทหาร จนได้พบกับ เร็กซ์ หมาตรวจจับวัตถุระเบิด ที่เคยบาดเจ็บและมีความดุร้ายเป็นอย่างมาก แต่เธอก็สามารถฝึกมันให้กลับมาทำหน้าที่อีกครั้ง ทั้งคู่จึงถูกส่งไปที่อิรัก และปฏิบัติภารกิจสำเร็จนับร้อยครั้ง ก่อนที่จะถูกกับดักจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ต่อมาเธอได้รับเหรียญกล้าหาญ จากอดีตเด็กเหลือขอกับหมาบาดเจ็บกลายเป็นได้สร้างวีรกรรมระดับชาติ จะสนุกขนาดไหนต้องไปหาชมกันให้ได้

                  2. The Last Full Measure (2019) สร้างมาจากเรื่องจริงของวีรบุรุษที่โลกลืม William H. Pitsenbarger ทหารอากาศที่ยอมสละแม้แต่ชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยทหารราบในสมรภูมิรบกว่า 60 นาย ท่ามกลางบรรยากาศของการสู้รบในเวียดนามที่กำลังดุเดือด แต่ชื่อของเขากลับถูกลืมและจางหายไปพร้อมกับเงาของสงคราม กระทั้งเพื่อนและผู้รอดชีวิตใช้เวลากว่า 30 ปี เสนอชื่อให้ได้รับเหรียญแห่งเกียรติยศชั้นสูงสุด ไปติดตามเรื่องราวฮีโร่สุดยิ่งใหญ่ที่คนนี้กันได้ ห้ามพลาด

                  3. Platoon (1986) ภาพยนตร์แนวสงครามยอดเยี่ยมของผู้กำกับ Oliver Stone ที่คว้า 4 รางวัลออสการ์มาครอง สะท้อนให้เห็นถึงสงครามเวียดนามในอีกมิติที่คุณอาจจะไม่เคยรู้ คริส เด็กหนุ่มที่เกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะ และเรียนในมหาวิทยาลัย แต่เขากลับตัดสินใจสมัครมาเป็นทหารเพื่อออกรบ โดยเรื่องนี้ได้เสนอมุมมองของสงครามอย่างชัดเจน ต้องไปหาความหมายที่แท้จริงว่า “ศัตรู” คือคนที่ถือปืนสู้กัน หรือคนข้าง ๆ ที่นั่งจับมือ แล้วคุณจะเข้าใจมากขึ้น

                  4. Hacksaw Ridge (2016) การันตีด้วยรางวัลออสการ์ การกำกับและภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี สร้างจากเรื่องจริงของ Desmond Doss ผู้เคร่งครัดในศาสนาและเชื่อในพระเจ้า อาสาออกไปรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั้งที่พ่อและแม่ไม่เห็นด้วย ในสมรภูมิโอกินาวา เขาได้ตั้งปณิธานว่าจะไม่จับปืนฆ่าผู้อื่น ท่ามกลางห่ากระสุน และความตึงเครียด รวมถึงเหล่าศัตรูพร้อมจะเอาชีวิตได้ทุกเมื่อ เขาจะยังคงยึดมั่นต่อไปได้หรือไม่ต้องติดตามกับเรื่องนี้

                  5. Jarhead เรื่องราวของ แอนโธนี่ สวอฟฟอร์ด ทหารเกณฑ์วัย 20 ปี ที่สอบไม่ติดมหาวิทยาลัย จึงตัดสินใจเข้าร่วมเป็นทหาร โดยถูกส่งตัวไปยังทะเลทรายซาอุดิอาระเบีย ในสงครามอ่าวเปอร์เซียครั้งแรก หากใครกำลังคาดหวังว่าจะได้เห็นฉากรบ กระหน่ำกระสุน ผู้คนล้มตายอาจจะไม่มีให้เห็นมากนัก เพราะนั่นเป็นชีวิต 4 วัน 4 ชั่วโมง 1 นาที นั่นแหละคือสงครามของเขา กับการใช้ชีวิตในค่ายทหารท่ามกลางภาวะสงคราม จะเป็นอย่างไรต้องไปดูให้ได้

สงคราม ความขัดแย้งทางอาวุธและอำนาจทางทหาร

              จากฉากต่าง ๆ ที่เราได้พบเห็นในภาพยนตร์แนวสงคราม ยังไม่มีความโหดร้ายเทียบเท่ากับเหตุการณ์จริง ทำให้เห็นได้ว่าการก่อสงครามไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ ต่อมนุษยชาติ นอกจากความสูญเสียทั้งทรัพยากรและผู้คน โดยสงครามที่สำคัญในประวัติศาสตร์ของโลก เช่น สงครามครูเสด สงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่ง สงครามโลกครั้งที่ 1-2 สงครามเย็นทั้งในเกาหลีและเวียดนาม สงครามอ่าว ส่งครามต่อต้านการก่อการร้าย และสงครามอิรัก เป็นต้น

              ทั้งหมดนี้เป็นภาพยนตร์แนวสงคราม หนังดีที่อยากแนะนำ ต้องดูสักครั้งในชีวิต นอกจากความสนุก มันส์ สมจริงแล้ว คุณจะรู้ว่าท่ามกลางความโหดร้ายเหล่านั้น ยังมีมุมมองความคิดดี ๆ อีกมากมายให้เราเก็บเอาไปคิดต่อได้เป็นอย่างดี

เครดิตภาพ : unlockmen.com / pan2screen.com / mubi.com

YouTube :

5 หนังสงครามโลกที่พวกเราอยากแนะนำให้ดู 

#ภาพยนตร์สงคราม #หนังทหารห้ามพลาด #หนังดีต้องดู

7 หนังตลกสุดฮา ขำปอดโยก แก้เครียดเกิน 100%

ในช่วงที่ผ่านมา เราแทบทุกคนต้องพบเจอกับความเครียดมาไม่มากก็น้อย ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การงาน การเงิน ทำให้หลายคนเริ่มท้อแท้หมดกำลังใจ แต่อย่าวิตกกังวลมากจนเกินไป ทุกเส้นทางย่อมมีทางออกเสมอ มาคลายเครียดด้วยการดูหนังตลกสุดฮากันดีกว่า จะได้รู้สึกเพลินเพลินสนุกสนาน ผ่อนคลายรับชมได้ทุกเพศทุกวัย มีเรื่องไหนบ้างไปดูพร้อมกัน

สนุกสุดฮา กับหนังดูแล้วคลายเครียด ดูกี่ครั้งก็ขำไม่หยุด

                  1. There’s Something About Mary (1998) ย้อนไปในปี ค.ศ. 1985 นักมัธยมปลายวัย 16 ปี เท็ด กำลังจะได้ออกเดทกับสาวในฝันชื่อ แมรี่ แต่ดันเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันสุดฮาขึ้น ทำให้การเดทครั้งนี้เป็นอันยกเลิกไป หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ขาดการติดต่อกัน เมื่อเวลาผ่านไปกว่า 13 ปี เท็ดยังคงคิดถึงแมรี่ จึงให้นักสืบไปตามหาแต่ว่าชายผู้นี้กลับอยากได้แมรี่เสียเอง ถึงเวลาแล้วที่เขาจะไปพิชิตแม่สาวน้อยคนนี้อีกครั้ง หนังเรื่องนี้ตลกออกแนวสัปดนนิด ๆ เต็มไปด้วยมุกตลกอยู่ตลอดเวลาจะฮาขนาดไหนต้องไปติดตาม

                  2. The Hangover (2009) ดั๊ก บิลลิงส์ และเทรซี การ์เนอร์ กำลังจะแต่งงานกัน เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองก่อนงานจะเริ่ม ดั๊กจึงเดินทางไปลาสเวกัสกับ ฟิล และสตู เพื่อนสนิทของเขา รวมถึงอลันน้องชายเทรซี่ ด้วยรเบนซ์วินเทจสุดหรูของพ่อตาในอนาคต จัดปาร์ตี้สละโสดอย่างสุดเหวี่ยง พอรุ่งเช้ากลับไม่เหลือความทรงจำว่าทำอะไรไปบ้างและมีเรื่องแปลกสุดฮาเกินขึ้นภายในห้อง ซึ่งเรื่องนี้ได้คำชื่นชมมากมาย ด้วยความตลกแบบหลุดโลกจนหยุดไม่ได้ อยากรู้ว่าจะเมาเละเทะขนาดไหนต้องไปหาดู

                  3. Home Alone (1990) โดดเดี่ยวผู้น่ารัก หนังตลกสุดฮา สำหรับครอบครัว เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทุกคนจดจำได้ บอกเล่าถึงครอบครัวแมคคาลิสเตอร์ เตรียมตัวใช้เวลาในช่วงคริสต์มาสที่ปารีส แต่ทว่าพวกเขากลับทิ้งเควินไว้ในบ้านเพียงลำพังโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งมีโจรบื้อ 2 คนพยายามจะงัดบ้านเพื่อขโมยของ แต่บอกเลยว่ามันไม่ง่ายอย่างที่พวกเขาคิดอย่างแน่นอน หากใครอยากดูหนังตลกปนความน่ารัก เบาสมอง ต้องไม่พลาด

                  4. Kung Fu Hustle (2005) เรื่องราวของเมืองเซี่ยงไฮ้ ยุค 1930 ช่วงอันธพาลเข้าครองเมืองไปก่อกวนตรอกเล้าหมูแต่ไม่สำเร็จ จากนั้น ซิง โจรกระจอกได้ขอเข้าแก๊ง และเกิดการหักหลังขึ้น จึงเกิดการต่อสู้ที่ตลกสุดฮา โดยเรื่องนี้สร้างกระแสเป็นอย่างมาก เพราะไม่ได้ขำตามแบบฉบับของ โจวซิงฉือเท่านั้น แต่โปรดักชันต่าง ๆ จัดหนักจัดเต็มอีกด้วย หากใครชอบแนวนี้ต้องไปหามาดูกันได้

                  5. Johnny English (2003) สายลับที่ทางรัฐบาลคัดเลือกให้มาเป็นพยัคฆ์ร้าย มาพร้อมกับภารกิจปกป้องทรัพย์สินล้ำค่าของราชวงศ์ แต่แล้วเครื่องราชาภิเษกกลับหายไป ทำให้จอห์นนี่ และมือขวาของเขาต้องออกตามล่าหาความจริงให้ได้ กลายเป็นปฏิบัติสุดขำ ด้วยนักแสดงที่เราคุ้นเคยอย่าง มิสเตอร์บีน ซึ่งเรื่องนี้มีภาคต่อที่สนุกทุกตอนสามารถหาดูกันได้เลย

6. Zombieland (2009) โรคซอมบี้บ้า ได้แพร่ระบาดไปทั่วอเมริกา ทำให้มีคนเป็นจำนวนมากกลายเป็นซอมบี้ดุร้าย โคลัมบัส นักศึกษาวิทยาลัย ผู้แสนโดดเดี่ยวได้เดินทางออกจากหอพักไปโอไฮโอเพื่อดูว่าพ่อแม่ของเขาเป็นอย่างไรบ้าง ในระหว่างทางได้เจอผู้รอดชีวิตอีกสามคน ที่ต้องเดินทางไปพร้อมกันท่ามกลางเหล่าซอมบี้ นับว่าเป็นหนังตลกสุดฮา เกรียน สนุกแบบไม่ต้องคิดมาก บ้าบอ อย่างสุด ๆ แบบไม่มีแผ่ว จะเป็นอย่างไรต้องไปหาดูกัน

7. Extreme Job (2019) กลุ่มนักสืบยาเสพติด นำโดยกัปตันโก ล้มเหลวจากภารกิจครั้งล่าสุด แต่ได้รับโอกาสให้แก้ตัวอีกครั้ง เพื่อเป็นการกอบกู้ชื่อเสียงของพวกเขากลับมาต้องทำให้สำเร็จ โดยซื้อร้านขายไก่ทอดและปลอมตัวเป็นพนักงานเพื่อซุ่มดูแก๊งค้ายาเสพติด ความฮาจึงเกิดขึ้นเมื่อไก่ทอดสูตรมั่ว ๆ ดันเป็นที่นิยมและมีชื่อเสียงขึ้นมาเสียนี่ หนังของเกาหลีเรื่องนี้ สามารถคลายความเครียดจากเรื่องต่าง ๆ ได้ตั้งแต่วินาทีแรกไปจนจบ ต้องรีบดูห้ามพลาด

              ทั้งหมดนี้คือหนังตลกสุดฮา ที่คัดมาแล้วว่าสนุกขำปอดโยกทุกเรื่อง ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายอารมณ์ จากความเครียดได้เป็นอย่างดี หากใครยังไม่เคยดูเรื่องไหนต้องรีบไปหารับชมกันให้ได้ เพื่อให้ชีวิตมีความสุขกันจะดีกว่า

เครดิตภาพ : kodungmovie.com / mgronline.com / Netflix.com

YouTube :

10 หนังตลก ดูแก้เครียด โคตรฮา

#หนังฮากรามค้าง #รวมหนังฮา #หนังแก้เครียด

แนะนำ 5 มินิซีรีส์เกาหลี สำหรับคนมีเวลาน้อย ดูวันเดียวจบ

หลายคนรู้ดีว่าซีรีส์โดยทั่วไปจะมีความยาวถึงตอนละประมาณ 1 ชั่วโมง และในแต่ละซีซันจะมีถึง 16-25 ตอนเลยทีเดียว ยิ่งเป็นแนวพีเรียดอาจจะมากกว่า 50 ตอน หากมีเวลาว่างก็สามารถดูได้แบบยาว ๆ แต่สำหรับใครที่ไม่มีเวลามากขนาดนั้นเนื่องจากภาระงาน การเรียน หรืออื่น ๆ ขอแนะนำ 5 มินิซีรีส์เกาหลี ถึงแม้ว่าจะมีตอนน้อยแต่คุณภาพอัดแน่น สนุกครบทุกอรรถรส พล็อตเรื่องแปลใหม่มาฝากกัน

มินิซีรีส์ของเกาหลี ครบรส ดูจบในวันเดียว คุณภาพคับจอ

                  1. 7 day of Romance มาเติมเต็มความฟินในเวลาว่างกับซีรีส์ภาคต่อจากเรื่อง One Fine Week เป็นซีซัน 2 บอกเล่าถึงดาอึน พนักงานพาร์ทไทม์ และคิมบยอล ไอดอลสาวสุดฮอต ซึ่งทั้งคู่หน้าตาเหมือนกันจึงตัดสินใจแลกการใช้ชีวิตในระยะเวลา 7 วัน และผ่านมา 1 ปี พวกเธอได้ตัดสินใจสับเปลี่ยนตัวกันอีกครั้งเพราะเหตุการณ์เดิม คือมีรายการเรียลลิตี้ใหม่เป็นโอกาสเดียวที่จะทำให้ดาอึนได้พบแฟนหนุ่มไอดอลอีกครั้ง หนึ่งสัปดาห์อันแสนวิเศษกำลังจะเริ่มต้นใหม่ จะสนุกขนาดไหนต้องรีบไปหารับชม

                  2. Twenty Twenty เรื่องราวของกลุ่มวัยรุ่นที่กำลังจะมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ จากวัยเด็กเปลี่ยนผ่านเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ที่ต้องพบกับเรื่องราวต่าง ๆ มากมายที่กำลังจะเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความรัก ครอบครัว ความฝัน และมิตรภาพ เป็นต้น จะเข้ามามีผลกระทบต่อพวกเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องพบเจอกับอุปสรรคปัญหาต่าง ๆ ที่ต้องฝ่าฝันทั้งที่ยังยึดติดกับกรอบเดิม ๆ ด้วยความเคยชิน จะเป็นอย่างไรต่อไปลุ้นต่อได้ที่ WeTV

                  3. Pop out Boy ฮัน ซอนนยอ นักเรียนชั้นมัธยมลูกสาวนักเขียนการ์ตูนชื่อดัง ที่พบว่าชื่อของเธอเหมือนกับนางเอกในเรื่อง แต่บุคลิกมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะในการ์ตูนทั้งอ่อนแอ ใสซื่อ ทำให้เธออารมณ์เสียเป็นอย่างมาก และถูกล้อจากเพื่อน ๆ เป็นประจำ จนกระทั่งวันหนึ่ง ชอน นัมอุค ได้ทะลุอออกมาจากการ์ตูนสู่โลกความจริง จึงเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวความรักทั้งหมด จะหวานขนาดไหนต้องไปรับชมได้ที่ WeTV ไม่ควรพลาด

                  4. Love Revolution เป็นมินิซีรีส์เกาหลีที่น่าดูอย่างมาก เปิดเรื่องที่ชีวิตของเหล่าวัยรุ่นที่ต้องพบเจอกับความรัก มิตรภาพ และความวุ่นวายในชีวิตช่วงมัธยมปลาย กงจูยอง นักเรียนชายที่มีบุคลิกน่ารักสดใส เป็นมิตรกับคนทั่วไป เขาหลงรัก วังจาริม เพื่อนนักเรียนหญิงสาวสุดเย็นชา โดยมีอีคยองอู เข้ามาร่วมในความสัมพันธ์ครั้งนี้ด้วย บทสรุปของความรักสามเส้านี้จะอิน ฟินขนาดไหน ต้องไปติดตามรับชมที่ Netflix

                  5. 7 First Kisses บอกเล่าถึงหญิงสาวที่ไม่เคยมีแฟนมาก่อนในชีวิต จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้พบกับเทพธิดา ที่จะช่วยให้ได้พบเจอกับความรักที่แท้จริงกับชายหนุ่มถึง 7 คน จะเป็นใครที่ได้จูบแรกของเธอไป ตามส่องความหล่อแบบเลือกไม่ได้ว่าจะเลือกใครดี ไม่เชียร์ ลุ้นกับเธอได้กับเรื่องนี้

มินิซีรีส์คืออะไร

              หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักและคุ้นเคยกับคำว่า มินิซีรีส์เกาหลี สักเท่าไหร่ ซึ่งเป็นละครอีกประเภทหนึ่ง ที่มีจำนวนตอนไม่ยาวมาก อาจจะมี 3-7 ตอนเท่านั้น โดยผู้คนในต่างประเทศนิยมเป็นอย่างมากเนื่องจากใช้เวลาในการรับชมไม่นาน ภายในวันเดียว หรือน้อยกว่านั้น และมักจะถ่ายทำในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนออกอากาศจริง พร้อมกับบทมีความยืดหยุ่นสูง และอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับเสียงวิจารณ์ของผู้ชมเป็นหลัก

              อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะมีมินิซีรีส์เกาหลีที่ได้แนะนำเก็บเอาไว้เพื่อชมในวันหยุดกันแล้ว หวังว่าจะสนุก ฟิน อินจิกหมอนไปกับตัวละครต่าง ๆ ให้รู้สึกผ่อนคลายอารมณ์ในวันหยุดได้ทั้งวัน

เครดิตภาพ : viki.com / blockdit.com / pinterest.com

YouTube :

MV] Ji Chang Wook(지창욱) _ KISSING YOU(7 First Kisses

FMV] | • Love revolution • 

#มินิซีรีส์เกาหลี #ซีรี่ส์วันเดียวจบ #แนะนำซีรี่ส์เกาหลี

Uncrontrollably Fond ซีรีส์สุดโรแมนติก

ซีรีส์เรื่อง  Uncrontrollably Fond หยุดหัวใจไว้ลุ้นรัก เป็นซีรีส์ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากตั้งแต่เริ่มถ่ายทำ เนื่องจากเป็นการร่วมงานกันระหว่างนักแสดงหนุ่ม คิมอูบิน กับ ไอดอลนักแสดงสาว ซูจี และนักแสดงมากฝีมืออีกมากมาย อาทิ อิมจูฮวาน อิมจูอึน พร้อมกับโปรดักชั่นที่ใช้ในการถ่ายทำคุณภาพสุด ๆ แต่พอออนแอร์ไปแล้ว ดูเหมือนจะไม่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีเท่าที่ควร ซึ่งได้มีโอกาสดูซีรีส์เรื่องนี้พร้อมกับการออนแอร์ที่ประเทศเกาหลี จึงลองสำรวจความนิยมจากกลุ่มเพื่อน แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมมากนัก แต่หลังซีรีส์เรื่องนี้ออนแอร์จบไปได้ไม่นานก็มีข่าวอาการป่วยของคิมอูบิน ทำให้อยากเขียนรีวิวซีรีส์เรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อให้แฟน ๆ คอซีรีส์ได้ย้อนไปชมซีรีส์เรื่องนี้ และย้อนดูผลงานการแสดงของ คิมอูบิน เผื่อจะช่วยให้แฟน ๆ ได้คลายความคิดถึงในตัวศิลปินคนโปรดไปได้บ้าง

(ขอบคุณภาพปกจาก :  https://afangirlsfeels.com/ )

Uncrontrollably Fond ซีรีส์สุดโรแมนติก  2

(ขอบคุณภาพประกอบ :  https://afangirlsfeels.com/ )

Uncrontrollably Fond ซีรีย์ที่คนโรแมนติกต้องไม่พลาด

             เรื่อง Uncrontrollably Fond นี้เป็นเรื่องราวความรักของซุปเปอร์สตาร์หนุ่มหล่อ และโปรดิวเซอร์สาวรายการสารคดี ทั้งคู่เคยรู้จักกันและมีความรู้สึกที่ดีต่อกันมาตั้งแต่ตอนยังเด็กอยู่แล้ว แต่มีเหตุการบางอย่างทำให้ทั้งคู่ต้องห่างกันไป แร่สุดท้ายโชคชะตานำพาทั้งคู่ให้กลับมาเจอกันอีกครั้ง พระเอกได้เป็นซุปเปอร์สตาร์ที่มีฐานแฟนคลับล้นหลาม แต่นางเอกกลับทำทุกอย่างเพื่อเงินถึงกับยอมพูดคำหวานทุกอย่าง  แต่ความต่างกันสุดขั้วของทั้งคู่จะลงเอยกันได้ยังไงต้องไปติดตามจ้า เราชอบเรื่องนี้นะซูจีสวยมาก อูบินก็หล่อ เคมีเข้ากันมาก ๆ เลย

Uncrontrollably Fond ซีรีส์สุดโรแมนติก  3

(ขอบคุณภาพประกอบ : https://afangirlsfeels.com/ )

การดำเนินเรื่อง Uncrontrollably Fond รู้สึกว่าช้าไปนิด จากจำนวนตอนทั้งหมด 20 ตอนบางตอนก็เรื่อย ๆ แทบไม่มีอะไร แต่บางตอนก็อัดแน่นจน   เกินไป แม้จะมีข้อด้อยอยู่บ้างแต่ข้อดีของซีรีส์เรื่องนี้ก็มีอยู่หลายอย่าง ที่สำคัญเลยคือ การหลอกให้คนดูตายใจได้อย่างแนบเนียน คนที่เริ่มดูเพราะคิดว่ามันเป็นซีรีส์โรแมนติกแต่ว่าดำเนินเรื่องช้าเลยเลิกดูไปก่อนที่จะถึงตอนสำคัญ เราว่าคุณพลาดโอกาสที่จะได้เห็นฝีมือการแสดงของนักแสดงหลายๆคน โดยเฉพาะ คิมอูบิน ในซีรีส์เรื่องนี้เขาสามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของ ชินจุนยองได้เป็นอย่างดี ส่วนนักแสดงคนอื่นก็สามารถเข้าถึงบทบาทและถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้เป็นอย่างดีเช่นกัน

#Uncrontrollably Fond #ซีรี่ส์น่าดู #แนะนำซีรีส์เกาหลี

She Would Never Know ซีรีส์รักโรแมนติก

ซีรีส์รักโรแมนติ๊กโรแมนติกที่กำลังออกอากาศอยู่ ณ ตอนนี้ ต้อนรับปี 2021 ด้วยเรื่องราวความรักของหนุ่มสาวในออฟฟิศเดียวกัน เรื่องที่เราจะนำมารีวิวในวันนี้ก็คือ She Would Never Know หลายคนอาจเฝ้ารอเรื่องนี้มานาน ส่วนหนึ่งที่คอซีรีส์หลาย ๆ คนชื่นชอบและรอติดตามเรื่องนี้ เพราะความประทับใจเรื่อง Extraordinary You ที่โรอุนแสดง พอรู้ว่าเรื่องนี้โรอุนรับบทนำในบทบาทที่ดูโตขึ้นจึงอยากเห็นพัฒนาการทางด้านการแสดงด้วย หลังจากดูมาจนถึงตอนล่าสุด บอกเลยว่าประทับใจมาก อาจจะด้วยบรรยากาศและผู้คนในเรื่องมีความเรียลและจับต้องได้

(ขอบคุณภาพปก : https://mgronline.com/ )

She Would Never Know ซีรีส์รักโรแมนติก  2

(ขอบคุณภาพประกอบ : https://mgronline.com/ )

She Would Never Know ไม่ดูถือว่าพลาดความฟิน

เรื่อง She Would Never Know นี้ความฟินมันอยู่ที่ความตรงไปตรงมาของพระเอก ชอบก็บอกว่าชอบ ตรง ๆ ไปเลย ไม่อ้อมค้อม เราสัมผัสได้ว่าพระเอกจริงใจและหวังดีกับนางเอกมาก ตอนเริ่มเรื่องแรก ๆ คนดูอย่างเราก็น่าจะเดากันได้ว่าพระเอกแอบชอบนางเอกอยู่ฝ่ายเดียว มองตาก็รู้แล้วว่าชอบนางเอก แววตาคือแสดงออกชัดเจนมาก ที่เราชอบเรื่องนี้เพราะเสนอประเด็นสังคมการทำงาน ความรัก ได้เรียลดี สัมผัสได้ว่ามันคือความสัมพันธ์ของมนุษย์จริง ๆ เรื่องพีคมันอยู่ที่ นางเอกเนี่ยแอบคบกับ BM ซึ่งก็คือหัวหน้าของทั้งนางเอกและพระเอกนั่นเอง แต่พระเอกของเราก็ดันไปรู้ความลับที่นางเอกปิดเอาไว้ และยิ่งไปกว่านั้นพระเอกก็เห็น BM คนนี้ไปดูชุดแต่งงานที่ร้านพี่สาวของตัวเอง เขาก็รู้ทันทีเลยว่านางเอกโดนสวมเขา จึงพยายามทำให้นางเอกรู้ความจริงเพราะเขาทนให้นางเอกถูกหลอกไม่ได้ เมื่อนางเอกรู้ความจริงก็ช้อคไปเลย ไม่คิดว่าจะโดนคนรักของตัวเองหลอก ซึ่งเราคิดว่าแฟนของนางเอกน่าจะมีเหตุผลบางอย่างที่ตัดสินใจทำแบบนั้น เพราะดูจากในเรื่องเหมือนจะอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคลายไม่ออกอยู่ไม่น้อย ไม่แน่ช่วงหลัง ๆ อาจจะเฉลยปมนี้ก็ได้ พอนางเอกรู้ว่าตัวเองถูกหลอกก็อยากเอาคืนคนรักเก่า เลยเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของพระเอกและนางเอก ซึ่งเราก็ยังเดาไม่ได้ว่าเรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร เหมือนค่อย ๆ แสดงพัฒนาการของตัวละคร จากความสัมพันธ์ที่เหมือนเป็นเส้นขนาน เรื่องราวมันดำเนินไปเรื่อย ๆ โดยที่คนดูอย่างเราก็ไม่รู้ว่าเส้นขนานนี้จะไปจบที่ตรงไหน มีความดราม่าในความโรแมนติก

She Would Never Know ซีรีส์รักโรแมนติก  3

(ขอบคุณภาพประกอบ :  https://mgronline.com/)

เรื่องราวที่น่าติดตามของ She Would Never Know ยุนซงอา รับบทโดย วอนจินอา นักการตลาดบริษัทเครื่องสำอาง ไฟแรง สวย เก่ง เพอร์เฟค พ่วงด้วยรุ่นน้องคนสนิทอย่าง แชฮยอนซึง รับบทโดย โรอุน SF9 ที่คอยช่วยเหลืองานรุ่นพี่ เป็นคนตรงไปตรงมา เรื่องราวทุกอย่างก็ดำเนินไปได้ด้วยดี ทั้งยอดขายของแบรนด์และภาพลักษณ์ต่าง ๆ แต่เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ในออฟฟิศเป็นเรื่องไม่เข้าใครออกใคร บางคนก็ต้องแอบคบกันอย่างลับ ๆ รวมถึงความรู้สึกของฮยอนซึงที่มีต่อรุ่นพี่อย่างซงอาด้วย เขาต้องแอบซ่อนความรู้สึกตัวเอง จนวันหนึ่งฮยอนซึงได้ไปรู้ความลับบางอย่างที่ซงอาปิดเอาไว้จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของทั้งสอง

#She Would Never Know #ซีรีส์รักโรแมนติก #ซีรี่ส์ฮิตเกาหลี

รีวิวภาพยนตร์ใน Netflix เรื่องThe call

ภาพยนตร์เรื่อง The call เป็นภาพยนตร์แนวระทึกขวัญ ดราม่า ผลงานการกำกับของ อีชุงฮยอน โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้นักแสดงมากความสามารถมากมายมาร่วมแสดงไม่ว่าจะเป็นพัคชินฮเย ที่มารับบทเป็น ซอยอน หญิงสาวที่ต้องทนทุกข์จากการเสียพ่อ และโกรธเคืองแม่ โดยเธอได้มาอาศัยอยู่ในบ้านใหม่ที่เธอเพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ได้ไม่นานหลังจากที่บ้านเก่าของเธอไฟไหม้ คนต่อมาคือจอนจงซอ ที่มารับบทเป็น โอยองซุก หญิงสาวที่ต้องทนทุกข์กับการโดนทารุณจากแม่เลี้ยงอย่างโหดร้ายมาตลอดหลายปี และเหตุนี้เองที่ทำให้นอกจากบาดแผลทางร่างกายแล้ว ก็ยังมีบาดแผลทางจิตใจที่ถูกทำร้าย สะสมๆมา จนเธอกลายเป็นคนมีบุคลิกภาพผิดปกติและต่อต้านสังคม คนต่อมาคืออีเอล รับบทเป็น แม่เลี้ยงของ โอยองซุก โดยเธอเป็นหมอผีร่างทรง ภาพยนตร์The call เป็นภาพยนตร์เมื่อปี 2564  

เนื้อเรื่องย่อของภาพยนตร์เรื่อง The call

ภาพยนตร์เรื่อง The call เปิดเรื่องราวมาที่ ซอยอน หญิงสาวที่อาศัยอยู่ในยุคปัจจุบัน โดยวันหนึ่ง เธอได้รับโทรศัพท์จากสายปริศนาในบ้านใหม่ที่เธอเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ได้ไม่นานหลังจากที่บ้านหลังเก่าของเธอไฟไหม้จนต้องสูญเสียพ่อไป จากการสูญเสียครั้งนี้เธอได้แต่โทษว่าเป็นความผิดของแม่ โดยสายปริศนาที่เธอรับถูกโทรมาจากอดีตในปี 1999 จาก โอยองซุก หญิงสาวที่อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงที่เป็นหมอผีร่างทรง ในทุกๆวันเธอมักจะถูกแม่เลี้ยงทารุณกรรมอยู่เสมอ แม่เลี้ยงอ้างว่าการทารุณกรรมนั้นเป็นการขับไล่วิญญาณชั่วร้ายที่สิงอยู่ในตัวยองซุกให้ออกไป ซึ่งในวันหนึ่ง ซอยอน เธอได้เสนอกับ ยองซุกว่า หากเธอสามารถช่วยไม่ให้พ่อของซอยอนตายได้ ซอยอนก็จะช่วยเธอ และยองซุกก็สามารถทำได้จริงๆ ทำให้ปัจจุบันของ ซอยอน เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น จนวันหนึ่งที่ ซอยอน ได้ช่วยชีวิตยองซุกจากเงื้อมมือแม่เลี้ยง จนเป็นจุดเริ่มต้นของฆาตกรต่อเนื่อง แล้วเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ต้องติดตามชมทาง Netflix กับภาพยนตร์เรื่องThe call

ความประทับใจหลังดูภาพยนตร์เรื่อง The call

ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความน่าสนใจจากการนำเสนอเรื่องราวของตัวละครออกมาได้ดี เพิ่มความแฟนตาซีเกี่ยวกับมิติเวลามาผสมกับความสยองขวัญ นอกจากนี้ยังมีเรื่องระทึกขวัญไปกับการฆาตกรรมในเรื่องต่ออีก และในระหว่างที่ดูอยู่ เราจะต้องตั้งใจสักหน่อย เพราะถ้าพลาดไปแล้ว จะต่อเรื่องไม่ติด ใครที่เป็นคอหนังระทึกขวัญอยู่แล้วก็ลองดูนะคะ กับภาพยนตร์เรื่อง The call

คะแนนของเรื่องนี้ 7.5/10

อ้างอิงภาพจาก www.decider.com

#รีวิวหนัง Netflix #หนังเกาหลีน่าดู #หนังระทึกขวัญ

รีวิวหนัง Netflix เรื่อง The Hangover เดอะ แฮงค์โอเวอร์ เมายกแก๊ง แฮงค์ยกก๊วน

ภาพยนตร์เรื่อง The Hangover เดอะ แฮงค์โอเวอร์ เมายกแก๊ง แฮงค์ยกก๊วน เป็นภาพยนตร์แนวคอมเมดี้ ผลงานการกำกับของ ท็อดด์ ฟิลลิปส์ โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้นักแสดงมากความสามารถมากมายมาร่วมแสดงไม่ว่าจะเป็นจัสติน บาร์ธา ที่มารับบทเป็น ดั๊ก ชายหนุ่มที่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานในอีกวันสอง คนต่อมาคือแซ็ค กาลิเฟียนนาคิส มารับบทเป็น อลัน หนุ่มร่างท้วมที่สติไม่ค่อยจะดี เขาเป็นน้องชายของผู้หญิงที่ดั๊กจะแต่งงานด้วย คนต่อมาคือเอ็ด เฮล์มส์ มารับบท สตู หมอฟันสูงวัย กำลังคบหาอยู่กับ เมลิสซ่า ผู้หญิงที่ทุกคนไม่เคยเชียร์ให้แต่งด้วย แต่เขาไม่ฟัง และตั้งใจว่าจะเชอร์ไพรส์ขอเธอแต่งงานในแต่งครั้งนี้ และคนสุดท้ายที่จะมาแนะนำในวันนี้คือแบรดลีย์ คูเปอร์ มารับบทเป็น ฟิล ครูประถมที่แต่งงานมีลูกแล้ว แต่ก็ยังเพลย์บอยอยู่ ภาพยนตร์ The Hangover เมายกแก๊ง แฮงค์ยกก๊วน เป็นภาพยนตร์เมื่อปี 2552

เนื้อเรื่องย่อของภาพยนตร์เรื่อง The Hangover เมายกแก๊ง แฮงค์ยกก๊วน

ภาพยนตร์เรื่อง The Hangover เมายกแก๊ง แฮงค์ยกก๊วน เปิดเรื่องราวมาที่ สองวันก่อนหน้าวันแต่งงานของ ดั๊ก โดยเขาได้ขับรถมาลาสเวกัสพร้อมกับเพื่อนสนิทอย่าง ฟิล สตู และน้องเขยในอนาคตอย่าง อลัน เพื่อมาร่วมงานฉลองสละโสดด้วยกัน หลังจากฉลองกันเต็มที่เมื่อเขาทั้งสามตื่นขึ้นมาในยามเช้า พวกเขากลับจำอะไรกันไม่ได้เลย ห้องสวีทที่พวกเขาอยู่ก็เละเทะยิ่งกว่ากองขยะแถมว่าที่เจ้าบ่าวก็ยะงมาหายตัวไปอีก ทั้งสามคนจึงต้องพยายามตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่เรื่องราวจะแย่ไปกว่านี้ พวกเขาเริ่มออกตามหาตัวดั๊กให้พบเพื่อส่งกลับไปยังแอลเอให้ทันเวลาเข้าพิธีแต่งงาน โดยระหว่างทางที่ตามหาพวกเขาก็ได้เจอกับเรื่องราวต่างๆมากมาย แล้วเรื่องราวที่ว่าจะเป็นอย่างไร สุดท้ายแล้วพวกเขาจะสามารถตามตัว ดั๊ก มาเข้าพิธีแต่งงานได้ทันเวลาไหม ต้องติดตามชมทาง Netflix กับภาพยนตร์เรื่องThe Hangover เมายกแก๊ง แฮงค์ยกก๊วน

ความประทับใจหลังดูภาพยนตร์เรื่อง The Hangover เมายกแก๊ง แฮงค์ยกก๊วน

ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นหนังตลกที่อยากให้ทุกคนได้ลองดูกัน เนื้อหาของหนังไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเลย แต่กลับทำออกมาให้คนดูหัวเราะแบบจัดเต็ม นอกจากนี้ยังมีการเล่าเรื่องถึงเหตุเกิดก่อนความเมา และผลที่ได้รับจากมัน ซึ่งทุกอย่างล้วนเกิดจากการเมาที่ไม่ได้สติของพวกเขาทั้งสิ้น นักแสดงทุกคนก็เล่นดีสมบทบาท ใครที่ยังไม่เคยดูก็ลองหามาดูกันนะคะ กับภาพยนตร์เรื่อง The Hangover เมายกแก๊ง แฮงค์ยกก๊วน

คะแนนของเรื่องนี้ 8.5/10

อ้างอิงภาพจาก www.imdb.com

#รีวิวหนัง Netflix #The Hangover #หนัง Netflix น่าดู

รีวิวภาพยนตร์ใน Netflix เรื่อง The Mitchells vs. the Machines (2021)

บ้านมิตเชลล์ปะทะจักรกล

ภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่อง The Mitchells vs. the Machines (2021) บ้านมิตเชลล์ปะทะจักรกล เป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นแนวครอบครัว คอมเมดี้ ผลงานการสร้างจาก Netflix โดยภาพยนตร์เรื่องนี้มีตัวละครที่น่าสนใจมากมายไม่ว่าจะเป็นริค เป็นพ่อที่ชื่นชอบเรื่องการซ่อมแซมเป็นชีวิตจิตใจ ต่อมาคือลินดา เป็นแม่ที่ใจดีและชอบทำขนมหน้าตาแปลกๆ ต่อมาคือเค เป็นลูกสาวคนโตที่ผู้ชื่นชอบในการสร้างคลิปหนังสั้นสนุกๆ จนเริ่มโด่งดังในโซเชียล และตัวละครสุดท้ายที่จะมาแนะนำในวันนี้นั้นก็คืออารอน เป็นลูกชายคนเล็กที่คลั่งไคล้ไดโนเสาร์เอามากๆ ภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่อง The Mitchells vs. the Machines (2021) บ้านมิตเชลล์ปะทะจักรกล เป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นเมื่อปี 2564

เนื้อเรื่องย่อของภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่อง The Mitchells vs. the Machines (2021) บ้านมิตเชลล์ปะทะจักรกล

ภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่อง The Mitchells vs. the Machines (2021) บ้านมิตเชลล์ปะทะจักรกล เปิดเรื่องราวมาที่ ครอบครัวมิทเชลล์ ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกในครอบครัว 4 คน คือ ลินดา คุณแม่ผู้นอกจากจะใจดีแล้ว ยังมองโลกในแง่ดีและพร้อมสนับสนุนทุกคนในบ้าน ริค คุณพ่อผู้รักการผจญภัย และรักการซ่อมเป็นชีวิตจิตใจ เค ลูกสาวแสนน่ารักของบ้าน โดยเธอรักการทำภาพยนตร์สั้น และเริ่มเป็นที่รู้จัก และอารอน ลูกชายที่ชอบไดโนเสาร์เอามากๆ ซึ่งทั้ง 4 คนเป็นสมาชิกครอบครัวที่ดูไม่น่าเข้ากันได้ โดยเฉพาะลูกสาวเพราะเธอรู้สึกว่าตัวเองแปลกและเข้ากับใครไม่ได้ จึงตัดสินใจไปเข้าเรียนมหาวิทยาลัยศิลปะ เพราะเธอคิกว่าที่นั่นเป็นสถานที่ที่เธอจะได้เจอพวกเดียวกัน ก่อนเคจะไปมหาลัย คุณพ่อจึงอยากจะกระชับความสัมพันธ์กับลูกสาวเนื่องจากก่อนหน้าไม่ดีสักเท่าไหร่ จึงตัดสินใจจัดโร้ดทริป พาทั้งครอบครัวไปส่งลูกสาวที่มหาวิทยาลัยขึ้น แต่แล้วระหว่างทางดันเกิดเหตุการณ์ Robot uprising หุ่นยนต์ยึดครองโลกขึ้น และครอบครัวมิทเชลล์ ก็ได้กลายมาเป็นความหวังสุดท้ายของมนุษย์ แล้วเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป พวกเขาจะสามารถกอบกู้โลกได้หรือไม่ ต้องติดตามชมทาง Netflix กับภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่อง The Mitchells vs. the Machines (2021) บ้านมิตเชลล์ปะทะจักรกล

ความประทับใจหลังดูภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่อง The Mitchells vs. the Machines (2021) บ้านมิตเชลล์ปะทะจักรกล

ภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องนี้เป็นเรื่องราวแนวครอบครัวที่ครบรสมาก เนื้อเรื่องมีการพูดถึงปัญหาในครอบครัว ที่เชื่อว่าหลายๆบ้านก็คงประสบพบเจอ และเพิ่มความสนุกด้วยการผจญภัยและต่อสู้กับเจ้าพวกหุ่นยนต์ที่กำลังจะยึดโลก ใครกำลังอยากหาหนังสนุกๆสบายๆดู ก็แนะนำเรื่องThe Mitchells vs. the Machines (2021) บ้านมิตเชลล์ปะทะจักรกล เลยค่ะ

คะแนนของเรื่องนี้ 8.5/10

อ้างอิงภาพจาก www.dmtalkies.com

#รีวิวหนัง Netflix #The Mitchells vs. the Machines #หนัง Netflix แนะนำ

รีวิวภาพยนตร์เรื่อง The Book of Fish (2021)

ภาพยนตร์เรื่อง The Book of Fish (2021) เป็นภาพยนตร์เกาหลีแนวประวัติศาสตร์ ดราม่า ผลงานการกำกับของ อีจุนอิก โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้นักแสดงมากความสามารถมากมายมาร่วมแสดงไม่ว่าจะเป็นโซลคยองกู ที่มารับบทเป็น ขุนนางช็องยักจอน ขุนนางคนโปรดปรานของพระเจ้าช็องโจ คนต่อมาคือชเววอนยอง และรยูซึงรยง มารับบทเป็นช็องยักจง และ ช็องยักยง น้องชายทั้งสองคนของช็องยักจอน คนต่อมาคืออีจองอึน มารับบทเป็น หญิงสาวที่ย้ายมาจากเกาะกากอ เธอเป็นผู้หญิงใจดี คิดบวก และนับถือช็องยักจอนอย่างจริงใจ และคนสุดท้ายที่จะมาแนะนำในวันนี้คือบยอนโยฮัน มารับบทเป็น ชางแด ชายที่ขยันและหาปลาเก่งสุดบนเกาะฮึกซานโด เขาอาศัยอยู่กับแม่ โดยเขาพยายามศึกษาตำราความรู้ด้วยตัวเองทุกวัน โดยภาพยนตร์เรื่อง The Book of Fish (2021) เป็นภาพยนตร์เมื่อปี 2564

เนื้อเรื่องย่อของภาพยนตร์เรื่อง The Book of Fish (2021)

ภาพยนตร์เรื่อง The Book of Fish (2021) เปิดเรื่องราวมาที่ จองยักจอน นักวิชาการที่ถูกเนรเทศไปยังเกาะอันห่างไกลที่ชื่อว่า เกาะฮึกซานโด โดยเมื่อเขาต้องมาอยู่ที่เกาะแห่งนี้เขาก็เกิดการหลงใหลในการตกปลาขึ้นและตัดสินใจเริ่มเขียนหนังสือเกี่ยวกับปลาขึ้นมา ตลอดเวลาที่อยู่บนเกาะเขามักจะขอความช่วยเหลือจากชายหนุ่มชาวประมงนามว่า ชางแด แต่ชางแดก็ปฏิเสธเพราะไม่อยากช่วยอาชญากร เมื่อจองยักจอนรู้ว่าชางแดกำลังศึกษาเล่าเรียนด้วยตัวเอง เขาจึงเสนอที่จะแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการของเขากับความรู้เกี่ยวกับทะเลของชางแด และในที่สุดชางแดก็ตกลงยอมรับข้อเสนอ ทำให้ชางแดได้ร่ำเรียนจนสำเร็จ แต่แล้วเรื่องราวทั้งหมดกลับกลายเป็นดาบสองคม เพราะมันทำให้จองยักจอนเริ่มรู้สึกผิดหวังในตัวของชางแด แล้วเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ต้องติดตามชมกันใน ภาพยนตร์เรื่อง The Book of Fish (2021)

ความประทับใจหลังดูภาพยนตร์เรื่อง The Book of Fish (2021)

ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือว่าเป็นหนังที่สะท้อนเรื่องราวของชีวิต การเรียนรู้ และมิตรภาพ แถมยังสอดแทรกประเด็นทางสังคมมากมาย ทั้ง ภาษาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ การเมือง และที่ต้องชมอีกอย่างก็คืองานโปรดักชัน ที่แต่ละฉากมีองค์ประกอบภาพจัดวางอย่างดี มีความสวยงาม มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้เรื่องราวน่าติดตาม และคนดูอย่างเราๆก็สามารถเข้าใจได้ง่าย รวมๆแล้วคือภาพยนตร์เรื่อง The Book of Fish (2021) เป็นหนังแนวประวัติศาสตร์ของเกาหลี ที่เนื้อหาเข้มข้น นักแสดงเล่นดี ใครที่ยังไม่เคยดูต้องหามาดูให้ได้เลยนะคะ

คะแนนของเรื่องนี้ 8/10

อ้างอิงภาพจาก www.variety.com

#The Book of Fish (2021) #รีวิวหนังเกาหลี #รีวิวหนัง Netflix

รีวิวภาพยนตร์เรื่อง Sunset in My Hometown (2018)

ภาพยนตร์เรื่อง Sunset in My Hometown (2018) เป็นภาพยนตร์เกาหลีแนวคอมเมดี้ ดราม่า ผลงานการกำกับของ อีจุนอิก โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้นักแสดงมากความสามารถมากมายมาร่วมแสดงไม่ว่าจะเป็นพัคจองมิน ที่มารับบทเป็น คิมฮักซู ผู้แข่งขันในรายการแรแปเปอร์ ชื่อ โชว์มีเดอะมันนี่ ในรายการเขามีนามว่า ซิมบัก โดยเขาลงแข่งติดต่อกัน 6 ซีซันแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถคว้าชัยชนะมาได้สักที คนต่อมาคือจางฮังซอน มารับบทเป็น คิมดูชาง พ่อของคิมฮักซูที่ในอดีตเคยเป็นนักเลงดัง เคยต้องคดีทำร้ายร่างกายจนติดคุก เขาทั้งติดพนัน และหนีครอบครัวไปมีเมียใหม่ คนต่อมาคือคิมโกอึน มารับบทเป็น จองซอนมี  เป็นเพื่อนเรียนสมัยมัธยมของคิมฮักซู เธอเป็นเด็กกตัญญู ที่ต้องดูแลพ่อที่ป่วยจากการล้มกระดูกต้นขาหัก และต้องนอนติดเตียงระยะหนึ่ง ซึ่งพ่อของเธอพักอยู่ห้องเดียวกับพ่อของฮักซู คนต่อมาคือชินฮยอนบิน มารับบทเป็น มีคยอง เพื่อนสาวคนสวย ที่ฮักซูตกหลุมรัก โดยเธอไม่รับรักฮักซูแต่อย่างใด คนต่อมาคือคิมจุนฮัน มารับบทเป็น ครูชเววอนจุน รุ่นพี่ในโรงเรียนที่เคยมาเป็นครูสอนวรรณกรรม ในอดีตเขาเคยแอบขโมยสมุดจดกลอนของฮักซูไป เพราะเห็นว่าฮักซูเป็นเด็กนักเรียนที่มีพรสรรค์จนสามารถแต่งกลอนชนะรางวัล และคนสุดท้ายที่จะมาแนะนำในวันนี้คือโกจุน มารับบทเป็น รุ่นพี่ยงแด รุ่นพี่นักเลงประจำโรงเรียน ที่เคยรังแกกดขี่ ฮักซู โดยภาพยนตร์เรื่อง Sunset in My Hometown (2018) เป็นภาพยนตร์เมื่อปี 2561

เนื้อเรื่องย่อของภาพยนตร์เรื่อง Sunset in My Hometown (2018)

ภาพยนตร์เรื่อง Sunset in My Hometown (2018) เปิดเรื่องราวมาที่ ฮักซู ชายหนุ่มที่ได้ไปประกวดรายการออดิชั่นทางทีวีมากว่า 6 ปีซ้อนแล้ว แต่เขาก็ยังไม่เคยเข้ารอบ และในวันที่เขาตกรอบครั้งที่ 7 เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากบ้านเกิดว่าพ่อของเขาอยู่ในโรงพยาบาล เขาจึงรีบไปที่บ้านของเขาแต่เขากลับพบว่าพ่อของเขาโกหก เขาจึงมุ่งหน้ากลับไปยังกรุงโซล และตอนนั้นเองที่เรื่องราวกับตาลปัดเมื่อเขาถูกสงสัยว่าเป็นอาชญากรหลอกลวง แล้วเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ต้องติดตามชมกันใน ภาพยนตร์เรื่อง Sunset in My Hometown (2018)

ความประทับใจหลังดูภาพยนตร์เรื่อง Sunset in My Hometown (2018)

ภาพยนตร์เรื่องนี้จะพาเราไปยังชนบทของเกาหลี ให้เราได้เห็นถึงวิถีชีวิตแบบเรียลๆ โดยเนื้อเรื่องอาจจะไม่ได้มีอะไรหวือหวา แต่หนังก็ยังคงมีความอบอุ่น บวกความฮาจากตัวนักแสดง ส่งให้หนังน่าติดตาม ในภาพยนตร์เรื่อง Sunset in My Hometown (2018)

คะแนนของเรื่องนี้ 7/10

อ้างอิงภาพจาก www.sdaff.org

#Sunset in My Hometown #ภาพยนตร์เกาหลี #หนังฮาแนะนำ