• Home
  • Archive by category "รีวิวหนังใหม่"

She-Hulk Attorney at Law ถึงเวลา “ฮัลค์สาว” ออกโรงกันบ้างแล้ว

She – Hulk Attorney at Law ได้ฤกษ์เปิดอย่างเป็นทางการไปเรียบร้อยแล้ว จัดเป็นซีรีส์อีกหนึ่งเรื่องในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลที่น่าติดตาม และไม่ได้มีแค่เนื้อหาบู๊ต่อสู้แบบดุเดือดเท่านั้น แต่ยังแฝงความฮาเอาไว้ด้วย โดยในเรื่องนี้ได้ ทาเทียนา มาสลานี (Tatiana Maslany) มารับเป็น “เจนนิเฟอร์  วอลเธอร์ส” ตัวเอกของเรื่อง เธอเป็นทนายสาวที่มีความมั่นใจสูงและเอาแต่ใจสุดๆ แต่แล้วอยู่ๆ เธอกับต้องมารับพลังบางอย่างจาก บรูซ แบนเนอร์ (มาร์ค รัฟฟาโล) ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอ ที่ทั้งคู่พอกลายเป็นมนุษย์ตัวเขียวก็ดูจะเล่นเข้าขาขากันได้ดีมาก แต่ถ้าใครเคยดูฮัคส์ ผู้ชาย ในช่วงแรกๆ ที่เขากลายร่างจะควบคุมตัวเองไม่ได้ และจะจำใครไม่ค่อยได้ ซึ่งก็ผิดกับฮัคส์ สาวซึ่งดูไปแล้วเธอจะสามารถควบคุมพลังต่างๆ ได้ดีในเวลาอันรวดเร็ว

ภาพจาก sanook.com

ต้องบอกว่าจริงๆ แล้ว เจนนิเฟอร์  วอลเธอร์ส เธอปรากฏตัวครั้งแรกในฉบับคอมมิก เมื่อตอนปี 1980 ที่มีชื่อว่า The Savage She-Hulk No.1 ซึ่งในตอนนั้นเธอได้รับการถ่ายเลือดจากบรูซ ทำให้เธอได้รับพิษของรังสีแกมมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะรังสีถูกถ่ายทอดมาพร้อมกับเลือดที่เธอได้รับนั่นเอง เธอจึงกลายเป็นฮัคส์หญิงในเวลาต่อมา แต่ในเรื่องนี้เริ่มต้นเรื่องราวจะกล่าวถึง “เจนนิเฟอร์ วอลเตอร์ส” ทนายสาวสุดเก่งเธอเป็นลูกพี่ลูกน้องกับ “บรูซ แบนเนอร์” ฮัคส์ตัวเขียวผู้ชาย เจนนิเฟอร์เป็น เวิร์คกิ้งวูแมนที่กำลังก้าวหน้าในอาชีพการงาน มีชีวิตปกติทั่วไปตามสไตล์สาวออฟฟิศ กลางวันทำงานกลางคืนสังสรรค์ และเป็นสาวโสดที่มีงานอดิเรกคือการหาคู่เดทที่ถูกสเปคผ่านแอป แต่อยู่ๆ วันหนึ่งชีวิตกลับเหมือนเปลี่ยนรูปแบบไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อเธอดันกลายร่างเป็นสาวตัวเขียวที่มีความสูงเกือบ 2 เมตร และมีพลังเช่นเดียวกับฮัคส์ ทำให้เจนนิเฟอร์ต้องแบกรับทั้งชีวิตการทำงานและชีวิตฮีโร่ ทีบรูซมักจะพูดกรอกหูเสมอว่าเป็นสิ่งที่เธอหลีกเลี่ยงไม่ได้

ภาพจาก sanook.com

โดยซีรีย์ She-Hulk: Attorney at Law ได้ แคท โคโร (Kat Coiro) และ อนู วาเลีย (Anu Valia) มาเป็นผู้กำกับ ที่ทั้งคู่เคยกำกับซีรส์เรื่อง Shameless และ Mixed-ish มาแล้ว และได้ Rick and Morty มาเป็นโปรดิวเซอร์ มี เจสซิกา เกา (Jessica Gao) เป็นผู้เขียนบท นำแสดงโดย ทาเทียน่า มาสลานี่ (Tatiana Maslany) ในบทเจนนิเฟอร์ วอลเตอร์ส เริ่มตรีมครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา สำหรับในซีรีย์เจนนิเฟอร์จะไม่ได้รับพลังรังสีแกมมาจากฮัคส์โดยการถ่ายเลือดเหมือนอย่างที่เราเข้าใจ แต่จะได้มาอย่างไรนั้นใครสนใจต้องเข้ามาติดตามกันเองจะมีเฉลยกันตั้งแต่ใน EP แรก ใครชอบดูหนังสไตล์นี้ต้องบอกว่า She-Hulk: Attorney at Law เป็นอีกเรื่องที่น่าติดตาม

#ซีรี่ย์เกาหลี #netflix #ซีรี่ย์จีน

Samaritan ซูเปอร์ฮีโร่ที่ต้องการเกษียณตัวเองและใช้ชีวิตอย่างสงบ

Samaritan ซูเปอร์ฮีโร่ที่ดูแล้วอาจจะไม่แน่ใจว่าเขามีพลังพิเศษมาจากไหน หนังอาจต้องการให้เป็นปริศนาเพื่อคนดูจะได้พยายามค้นหาและติดตามตอนต่อไป ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานการกำกับของ จูเลียส เอเวอรี (Julius Avery) ผู้ที่เคยกำลังภาพยนตร์เรื่อง Overlord (2018) หนังซ้อมบี้นาซีสุดโหดมาแล้ว และได้ บราจี เอฟ. ชูต (Bragi F. Schut) เป็นผู้เขียนบท โดยภาพยนตร์ดัดแปลงมาจากนิยายภาพที่เขียนขึ้นในช่วงปี 2014

ภาพปกจาก redcarpetreporttv.com

หนังจะดำเนินเรื่องโดยผ่านเด็กชายคนหนึ่งที่มีชื่อว่า แซม เคลียร์รี หนุ่มน้อยวัย 13 ปี (รับบทโดย เจวอน ‘วอนนา’ วอลตัน (Javon ‘Wanna’ Walton) ซึ่งเขาเป็นแฟนตัวยงของยอดมนุษย์ฝาแฝดที่มีชื่อว่า ซามาริทัน และ เนเมซิส สองพี่น้องฝาแฝดที่มีพลังพิเศษ ซึ่งหลายคนเชื่อว่าทั้งคู่เสียชีวิตไปแล้วจากระเบิดเนเมซิส เมื่อ 25 ปีก่อน ซึ่งซามาริทันเป็นเหมือนศาลเตี้ยที่คอยช่วยเหลือผู้คนที่อาศัยอยู่ใน Granite City แต่เขาถูกรายงานว่าเสียชีวิตไปแล้วในการสู้รบอย่างดุเดือดกับ เนเมซิส น้องชายฝาแฝดของเขา และคนในเมืองต่างเชื่อว่าเขาเสียชีวิตแล้วในกองไฟพร้อมกับน้องชาย แต่บางส่วนก็ยังหวังว่าเขายังมีชีวิตอยู่ แล้วสักวันหนึ่งจะกลับมาช่วยเหลือผู้คนในเมืองอีกครั้ง

ภาพจาก cineserie.com

รวมทั้งแซมที่ยังเชื่อว่าฝาแฝดยังไม่ตาย แต่แอบซ่อนอยู่ที่ใดที่หนึ่งบนโลกใบนี้ และแซมก็สงสัยว่าชายชราเก็บขยะที่มีชื่อว่า โจ (รับบทโดยซิลเวสเตอร์ สตอลโลน / Sylvester Stallone) ยอดนักบู๊ที่มีผลงานโด่งดังหลายเรื่อง ถึงแม้ว่าเขาจะมีอายุเพิ่มมากขึ้น แต่ฝีไม้รายมือในการแสดงโดยเฉพาะบทบู๊แนวแอ็กชันก็ยังแสดงได้ดีไม่เปลี่ยนแปลง

โดยโจอาศัยอยู่ตรงข้ามกับอพาร์ตเมนต์ของแซม เป็นคนที่น่าสงสัยที่สุด และแซมเชื่อว่าโจอาจเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่หายสาบสูญไปก็เป็นได้ จึงมักแอบติดตามดูโจอยู่เสมอ แต่โจยืนยันหนักแน่นว่าเขาไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโร่ แต่เป็นชายชราที่แก่แล้ว แต่แซมก็ยังไม่ละความพยายามยังคงติดตาม และพยายามพิสูจน์ให้ได้ว่าโจเป็นซูเปอร์ฮีโร่หรือเป็นเพียงชายชราที่ต้องการใช้ชีวิตในวัยชราอย่างสันโดษกันแน่ จนวันหนึ่งแซมเกิดมีเรื่องกับอันธพาลเจ้าถิ่นและถูกทุบตี โจได้เข้ามาช่วยให้เข้ารอดพ้นอันตรายมาได้ ยิ่งทำให้แซมปักใจเชื่อว่าโจคือคนที่เขาค้นหามาตลอด และยังขอให้โจรับเขาไว้เป็นศิษย์เพื่อสอนวิธีการต่อสู้อีกด้วย

ภาพจาก elespoiler.com

สุดท้ายแล้วนอกจากโจจะใช้ซูเปอร์ฮีโร่ที่แซมตามหาอยู่หรือไม่ ใครสนใจภาพยนตร์แนวนี้ก็ไปติดตามชมกันต่อได้เลย หรือใครที่เคยเป็นแฟนหนังของ ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน มานานแล้ว บอกเลยต้องห้ามพลาด

#ซีรี่ย์เกาหลี #netflix #ซีรี่ย์จีน

“I am Groot” การ์ตูนแก๊กสั้นสำหรับผู้ที่ชื่นชอบ “กรูท”  โดยเฉพาะ

“I am Groot” (ข้าคือกรูท) เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันตอนสั้นๆ มีทั้งหมด 5 ตอน แถมแต่ละตอนยังใช้เวลาไม่นาน จริงๆ สามารถรวมกันเป็นเรื่องเดียวกันได้เลย แต่ทางผู้สร้างคงมีเหตุผลหรืออยากให้เราติดตามเป็นตอนๆ เลยแยกย่อยออกมามากถึง 5 ตอน โดยในเรื่อง กรูท ก็ไม่ได้พูดอะไรมากนอกจากคำว่า “I am Groot” แต่หนังก็ยังน่าดู เหมาะสำหรับใครที่อยากดูอะไรแบบสบายๆ เบาสมอง ไม่เครียด หรือหาหนังดูค่าเวลา รวมไปถึงใครที่เคยชื่นชอบเจ้ากรูทหนึ่งในตัวละครของจักรวาลมาเวล (MCU) มาก่อนหน้านี้แล้ว ด้วยความน่ารักตะมุตะมิ ก็มาดูซีรีส์ให้หายคิดถึงกันไปก่อน โดยกรูทจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนดาวแพลเน็ต เอ็กซ์ (Planet X) เขาใช้ชีวิตโดยการสังเคราะห์แสงจากดวงอาทิตย์เหมือนต้นไม้ทั่วไป ก็เพราะจริงๆ แล้วเขาก็คือต้นไม้นั่นเอง แต่จะมีความสามารถมากกว่า

ภาพปกจาก theallapps.com

โดยที่ผ่านมา วิน ดีเซล (Vin Diesel) จะเป็นผู้ภาคเสียงของกรูทและในแอนิเมชันซีรีส์ขนาดสั้น 5 ตอนนี้ก็ยังคงเป็น วิน ดีเซลเป็นผู้พากษ์เสียงอีกเช่นกัน โดยแต่ละตอนจะมีความยาวเพียง 5 นาที และแบ่งเป็นชื่อตอนต่างๆ ได้แก่ ตอนแรก Groot’s First Steps, ตอนที่สอง The Little Guy, ตอนที่สาม Groot’s Pursuit, ตอนที่สี่ Groot Takes a Bath และ ตอนที่ห้า Magnum Opus ซึ่งแต่ละตอนจะเป็นเหมือนการใช้ชีวิตในแต่ละวันของกรูทในขณะที่อาศัยอยู่บนดวงดาว และยังไม่มีภารกิจหรือหน้าที่อะไรจะต้องไปทำ

ภาพจาก brighttv.co.th

ภาพยนตร์ดูเหมือนไม่มีอะไรมากทั้งเรื่องราวต่างๆ แถมยังไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกันดูตลอดทั้งเรื่องเราจะได้ยินกรูทพูดเพียง 3 คำ นั่นก็คือ “‘I am Groot” เพียงเท่านั้น แต่กลับเป็นซีรีส์ที่ได้รับความสนใจพอสมควรเลยทีเดียว จะพูดได้ว่าประสบความสำเร็จก็ว่าได้ เพราะได้รับคะแนนจาก IMDb มากถึง 7.1/10 เรียกได้ว่าเป็นหนังดีที่น่าดู ไม่เพียงเท่านั้น “กรูท” ตัวน้อยยังเป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ ชาวไทยเป็นจำนวนมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มีซีรีส์ออกมาเป็นของตัวเองแบบนี้รับรองได้เลยว่าผลตอบรับดีเกินความคาดหมายอย่างแน่นอน

ภาพจาก th.jugomobile.com

สรุปก็คือใครที่ชื่นชอบเจ้ากรูทมนุษย์ต้นไม้ตัวจิ๋วกันอยู่แล้ว รวมทั้งกำลังมองหาหนังที่ดูเพลินๆ ค่าเวลาหรือคลายเครียดเรื่องนี้ก็ใช่เลย เพราะซีรีส์ 5 ตอนสั้น ไม่ได้มีเนื้อหาอะไรมากเน้นที่ความสนุกสนานเสียมากกว่า โดยมีกรูทเป็นคนนำเรื่องเป็นภาพยนตร์ที่เหมาะสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะเด็กๆ เชื่อหากได้ชม “I am Groot” จะต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน ซึ่งท่านใดสนใจสามารถรับชม “I Am Groot” ได้แล้ววันนี้ที่ Disney+ Hotstar

#ซีรี่ย์เกาหลี #netflix #ซีรี่ย์จีน #Disney+ Hotstar #I Am Groot

Look Both Ways เมื่อชีวิตมักมีสองทางเลือกเสมอ

Look Both Ways (2022) สองทาง เป็นภาพยนตร์แนวดราม่าที่ได้ดาราสาว ลิลี่ ไรน์ฮาร์ต (Lili Reinhart) หรือเบ็ตตี้ คูเปอร์จากซีรีส์สุดฮิต Riverdale (ริเวอร์เดล) มาเป็นนักแสดงนำร่วมกับสองหนุ่ม แดนนี่ รามิเรซ (Danny Ramirez) จาก ท็อปกัน: มาเวอริค (Top Gun: Maverick 2022) และ เดวิด คอเรนสเว็ต (David Corenswet) จาก ฮอลลีวูด (Hollywood 2020) เรื่องนี้จะบอกเล่าเรื่องราวของนักศึกษาสาวที่เธอได้วางแผนชีวิตล่วงหน้าของเธอไว้แล้วในอีกห้าปีข้างหน้า แต่กลับเกิดความผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อเธอรู้ตัวว่าตัวเองท้องในวันจบการศึกษากับเพื่อนสนิทของเธอเอง ทำให้เธอต้องเลือกระหว่างความฝันที่ตั้งใจไว้เกี่ยวกับอนาคตของเธอ กับ ชีวิตของลูกน้อยที่กำลังจะเกิด

ภาพจาก seriesmy.com

หนังจะบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของ นาตาลี เบนเน็ต หรือแนต (รับบทโดย ลิลี่ ไรน์ฮาร์ต) นักศึกษาสาขาอนิเมชั่นจากมหาวิทยาลัยเท็กซัส เธอวางแผนไว้ว่าหลังเรียนจบจะเดินทางไปอยู่แอลเอ เพื่อเริ่มอาชีพในฝันคือการเป็นนักสร้างภาพยนตร์อนิเมชั่นที่มีชื่อเสียง แต่ในวันฉลองเรียนจบเธอรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่และสงสัยว่าตัวเองกำลังตั้งท้องกับเพื่อนชายคนสนิทที่ชื่อว่า เก๊บ (รับบทโดย แดนนี่ รามิเรซ) นักดนตรีมือกลองที่กำลังวิ่งตามความฝันของตนเองเช่นกัน หากแนตเกิดท้องขึ้นมาทั้งคู่อาจต้องยุติความฝันของตัวเอง แต่ถ้าเธอไม่ได้ท้องทุกอย่างจะดำเนินไปเช่นเดิม หนังจะแสดงให้เราดูถึงทั้งสองทางเลือกของแนต ว่าถ้าเธอท้องชีวิตของเธอจะดำเนินไปอย่างไรในฐานะคุณแม่ที่มีเพื่อนสนิทเป็นพ่อของลูกในท้อง รวมทั้งหากเธอไม่ได้ตั้งท้องชีวิตใหม่ในแอลเอของเธอจะดำเนินไปเช่นไร

ภาพจาก whats-on-netflix.com

สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานกำกับของ วานูรี คาฮิว ผู้กำกับหญิงชาวเคนยา เจ้าของผลงานเรื่อง Rafiki (2017) ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของเคนยาที่ได้เข้าฉายในงานเทศกาลหนังเมืองคานส์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังแสดงให้เราเห็นถึงเส้นทางชีวิตที่มักจะมีสองทางเลือกเสมอ ที่สำคัญเราก็มักจะเลือกไม่ถูกว่าควรไปทางไหนถึงจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของเราเอง หลายคนเลือกทำตามความฝัน แต่ถ้ามีสิ่งมาสะดุดความฝันของคุณและเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตเสียด้วย คุณก็คงอยากรู้ว่าถ้าเราเดินตามทางใหม่ชีวิตจะเป็นอย่างไร แต่เรื่องราวในหนังอาจจะไม่ใช่สูตรสำเร็จเสมอไปว่าในชีวิตจริงจะเป็นรูปแบบนั้นเสมอไป เพราะในเรื่องดูเหมือนตัวเอกจะแฮปปี้ทั้งสองทางเลือก ถึงแม้ว่าในช่วงเริ่มต้นจะมีอุปสรรคเกิดขึ้นบ้างก็ตาม โดยหนังจะบอกเป็นนัยๆ ว่า ไม่ว่าคุณจะเลือกทางไหนจงทำให้ดีที่สุด แล้วผลลัพธ์ก็จะออกมาดีไปด้วยเช่นกัน

#Look Both Ways #หนังรักน่าดู #หนังดราม่า

‘She-Hulk’ เลื่อนวันฉายรอบปฐมทัศน์ที่ Disney+

She-Hulk: Attorney at Law” กำลังเลื่อนวันฉายรอบปฐมทัศน์ที่ Disney+ โดยการแสดง Marvel Studios จะเปิดตัวในวันพฤหัสบดีที่ 18 ส.ค. แทนที่จะเป็น 17 ส.ค. ตามที่ประกาศในตอนแรก ตอนใหม่ของซีรีส์เก้าตอนจะลงทุกสัปดาห์ในวันพฤหัสบดีหลังจากนั้น Tatiana Maslany รับบทเป็นฮีโร่และนักกฎหมาย โดยมี Mark Ruffalo, Tim Roth, Benedict Wong, Ginger Gonzaga, Josh Segarra, Jameela Jamil, Jon Bass และ Renée Elise Goldsberry ปรากฏตัวในซีรีส์She-Hulk: Attorney at Law” นี้ด้วย

นอกจากนี้ มีการประกาศว่าซีซันที่ 31 ของซีรีส์การแข่งขัน “Dancing With the Stars” จะเปิดตัว Disney+ ในวันที่ 19 กันยายน และได้รับการเปิดเผยครั้งแรกในเดือนเมษายนว่ารายการที่มีมายาวนานจะออกจาก ABC เพื่อสนับสนุนการสตรีม แพลตฟอร์ม. Tyra Banks และ Alfonso Ribeiro จะเป็นเจ้าภาพโดยมีคณะกรรมการตัดสินซึ่งประกอบด้วย Len Goodman, Carrie Ann Inaba, Bruno Tonioli และ Derek Hough

มีการประกาศว่าซีซัน 2 ของ “The Mighty Ducks: Game Changers” จะเปิดตัวในวันที่ 28 กันยายน ในฤดูกาลใหม่ ทีมและโค้ชของพวกเขา อเล็กซ์ มอร์โรว์ (ลอเรน เกรแฮม) ออกเดินทางเพื่อเข้าร่วมสถาบันฮ็อกกี้ภาคฤดูร้อนที่เข้มข้นใน แคลิฟอร์เนียดำเนินการโดย Colin Cole (Josh Duhamel) อดีตผู้เล่น NHL ที่มีเสน่ห์แต่ไม่ยอมใครง่ายๆ เป็นสถานที่สำหรับเด็กที่จะเล่นฮอกกี้ได้อย่างยอดเยี่ยมโดยไม่ต้องไปโรงเรียน

ค้นหาวันฉายรอบปฐมทัศน์เพิ่มเติมนอกจาก She-Hulk: Attorney at Law” ได้ที่นี่

8 กันยายน – “Growing Up” (รอบปฐมทัศน์ของ Disney+ Day)

สร้างโดย Brie Larson และ Culture.House “Growing Up” เป็นซีรีส์สารคดีลูกผสมที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่สำรวจความท้าทาย ชัยชนะ และความซับซ้อนของวัยรุ่นผ่านเรื่องราวอายุที่น่าสนใจสิบเรื่อง ซีรีส์นี้ใช้การเล่าเรื่อง การทดลอง และการสร้างภาพยนตร์สารคดีเพื่อติดตามนักแสดงคนหนึ่งอายุ 18-22 ปี ขณะที่พวกเขาบอกเล่าเรื่องราวของพวกเขา พวกเขาเป็นตัวแทนของประสบการณ์ชีวิตที่หลากหลาย โดยให้การเล่าเรื่องที่มีพลังทางอารมณ์แก่ผู้ชม ซึ่งให้มุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับช่วงวัยรุ่น และอุปสรรคทางสังคม ครอบครัว และภายในอันหลากหลายที่คนหนุ่มสาวเผชิญบนเส้นทางสู่การค้นพบตนเองและการยอมรับ แต่ละตอนความยาว 30 นาทีมีคนหนุ่มสาวหรือ “ฮีโร่” หนึ่งคนและประสบการณ์ของพวกเขาเติบโตขึ้น แต่ละตอนมีบทสัมภาษณ์ส่วนตัวอย่างลึกซึ้งที่ช่วยให้ฮีโร่ของเราสามารถบอกเล่าเรื่องราวในวัยเด็กและวัยรุ่นได้

8 กันยายน – “Epic Adventures with Bertie Gregory” (รอบปฐมทัศน์ Disney+ Day)

ใบหน้าของนักผจญภัยผู้ทะเยอทะยานและผู้สร้างภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติรุ่นใหม่ นักสำรวจเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก เบอร์ตี้ เกรกอรี่ วัย 29 ปี นำผู้ชมไปสู่การเดินทางสุดยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัวที่ผลักดันไปสู่มุมที่น่าตื่นเต้นและลึกลับที่สุดของโลกป่าของเรา ด้วยเทคโนโลยีภาพยนตร์ระดับแนวหน้า ซีรีส์ออริจินัลของ Disney+ “Epic Adventures with Bertie Gregory” จาก National Geographic ทลายรูปแบบของรายการประวัติศาสตร์ธรรมชาติแบบดั้งเดิมด้วยการเล่าเรื่องสัตว์ในชีวิตจริงที่ไม่ธรรมดา และพาผู้ชมไปกับเขาทุกจังหวะ ของการกระทำ เป็นเวลาหลายสัปดาห์ในแต่ละครั้ง ช่างภาพผู้มีเสน่ห์ดึงดูดใจเจ้าของรางวัลบาฟตาอวอร์ด ได้ดำดิ่งเข้าไปในชีวิตของสัตว์ต่างๆ เพื่อบันทึกเรื่องราวที่เล่าขานถึงสิ่งมีชีวิตอันเป็นสัญลักษณ์ซึ่งอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายที่สุดบนโลกของเรา ฤดูกาลนี้, เราจะเห็น Bertie กล้าหาญในโลกน้ำแข็งของแอนตาร์กติกาในการค้นหาการรวมตัวของวาฬที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยถ่ายทำและเผชิญหน้ากับสิงโตล่าควายผู้เชี่ยวชาญในแซมเบีย ในซีรีส์การผจญภัยหลายภาคนี้ เขาจะพาผู้ชมไปสู่การผจญภัยอันทะเยอทะยานทั่วโลก โดยนำเสนอโลกแห่งธรรมชาติในช่วงเวลาที่เผชิญกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

21 กันยายน – “Super/Natural”

อำนวยการสร้างโดย เจมส์ คาเมรอน และบรรยายโดย เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์ นักแสดงผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์® และรางวัลบาฟตา (“Doctor Strange in the Multiverse of Madness,” “Power of the Dog”) ซีรีส์ใหม่นี้จะใช้นวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ล่าสุดและ เทคโนโลยีการสร้างภาพยนตร์ระดับแนวหน้าเพื่อเปิดเผยพลังลับและประสาทสัมผัสพิเศษของสัตว์ที่พิเศษที่สุดในโลก เชิญชวนให้ผู้ชมได้เห็นและได้ยินที่เกินกว่าที่มนุษย์จะรับรู้ได้ ให้สัมผัสโลกธรรมชาติเช่นเดียวกับสายพันธุ์เฉพาะ จากการดูดอกไม้ในการมองเห็นของผึ้ง ไปจนถึง แอบฟังบทสนทนาระหว่างแมวน้ำช้าง ไปจนถึงการทะยานไปตามความยาวของสนามฟุตบอลกับกระรอกเรืองแสงในที่มืด

เครดิตรูปภาพ variety.com

#ซีรี่ย์เกาหลี #netflix #ซีรี่ย์จีน #Disney+

รีวิวภาพยนตร์เรื่อง A Quiet Place Part II ความกลัวอันไร้เสียง

            รีวิวภาพยนตร์เรื่อง A Quiet Place Part II ความกลัวอันไร้เสียง ปีค.ศ. 2020 คือช่วงเวลาที่วงการภาพยนตร์ซบเซาอย่างมากทั้งในกลุ่มผู้สร้างหรือโรงฉาย โดยมีภาพยนตร์จำนวนหนึ่งตัดสินใจเปิดฉายในโรงสวนกระแสเพื่อหวังรายได้หรือมอบความสุขให้กับผู้คน อย่างไรก็ดี ผู้คนตัดสินใจเลี่ยงโรงฉายเพื่อหลีกจากความเสี่ยงของโรคที่ไม่เคยรู้จัก อันเป็นเหตุให้ภาพยนตร์คุณภาพหลายเรื่องอาจตกหล่นจากสายตาของผู้ชม

ข้อมูลเบื้องต้น

            สร้างสรรค์โดย John Krasinski ฉายครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2020 ระยะเวลา 1 ชั่วโมง 37 นาที โดยมีนักแสดงหลักประกอบด้วย 1. Emily Blunt รับบท Evelyn Abbott 2. Millicent Simmonds: Regan Abbott 3. Cillian Murphy: Emmett ส่วนคะแนนวิจารณ์จากเว็บไซต์ IMDB ที่ 7.2/10 คะแนน และเว็บไซต์ Rotten Tomatoes ที่ 92 เปอร์เซ็นต์ของคะแนนผู้ชม

เรื่องย่อ

            ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นจนเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของมนุษย์ให้ต่างไปอย่างสิ้นเชิง เสียงกระทบเพียงเล็กน้อยกลับดึงดูดสิ่งมีชีวิตอันตรายให้มุ่งเข้าหาแหล่งเสียงพร้อมสังหารมนุษย์ที่อยู่รอบข้าง ภายในเวลาไม่นานนักสังคมแบบเดิมก็ล่มสลาย ผู้คนกระจัดกระจายตามวิถีทางของตนเพื่ออยู่รอด รวมถึงครอบครัวแอบบอตท์ที่สามารถปรับตัวเข้าได้อย่างรวดเร็ว แต่วันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์ร้ายอันเป็นเหตุให้ต้องสูญเสียสมาชิกครอบครัวไปหลายคน อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่เหลือรอดจำต้องเดินทางต่อไปสู่ความหวังที่หลงเหลือ

ความคิดเห็นของผู้เขียน

            ผู้เขียนขอเตือนเกี่ยวกับ ‘ฉาก Jump scare’ ที่มีอยู่ประปรายตลอดทั้งเรื่อง หากผู้ชมเป็นคนขวัญอ่อนควรปิดสักครึ่งหนึ่งหรือดูให้ไกลจากจอภาพเพื่อความปลอดภัย (555+) กล่าวย้อนกลับไปภาคที่หนึ่งที่เรื่องราวเล่าการดำเนินชีวิตของครอบครัวแอบบอตท์ในเวลาที่สังคมล่มสลายไปแล้ว ส่วนภาคนี้ได้บอกถึงต้นกำเนิดของสัตว์ประหลาดพร้อมกับวันแรกที่พวกมันปรากฏตัวต่อสายตามนุษย์ทำให้ผู้คนกระจัดกระจายไปทั่ว บุคคลอื่นนอกเหนือจากกลุ่มตัวละครเอกก็มีให้เห็นมากขึ้น และอธิบายสาเหตุว่าทำไมในภาคที่แล้วถึงไม่มีใครเดินทางมาช่วยเขา ถัดมาประเด็นสำคัญของเนื้อเรื่องคือ ความเป็นคนและการเอาชีวิตรอด ที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ตนอยู่รอดพยายามเล่นกับความรู้สึกของผู้ชมที่ยึดหลักคุณธรรมและศีลธรรมตามโลกปกติให้ “ตัดสิน” การกระทำของตัวละครที่ทำตามสัญชาตญาณ นอกจากนี้ยังถือเป็นการโยนประเด็นปัญหาอันเป็นเหตุผลให้ตัวละครหลายตัวตัดสินใจออกจากพื้นที่ปลอดภัย เช่น การหายารักษาตัวละครที่บาดเจ็บ ซึ่งผู้เขียนมองว่าภาพยนตร์เลือกใช้เหตุผลที่ดี ส่วนสุดท้ายคือบรรยากาศของเนื้อเรื่องที่ไม่เอื้อให้ตัวละครสามารถสนทนากันอย่างฟุ่มเฟือยทำให้ต้องใช้สีหน้าท่าทางในการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึก เหล่านักแสดงต่างสามารถถ่ายทอดออกมาได้เป็นอย่างดีเลย

ตัวอย่างหนัง :

ขอบคุณรูปภาพจาก https://unsplash.com/

#ซีรี่ย์เกาหลี #netflix #ซีรี่ย์จีน #A Quiet Place Part II

ฝ่าโลก 20,000 ปี ที่จะพาคุณไปผจญภัยในยุคน้ำแข็ง

หลายท่านอาจจะเคยชมภาพยนตร์ที่มีบรรยากาศเป็นช่วงยุคน้ำแข็งกันมาบ้างแล้ว สำหรับเรื่อง ALPHA (2018) ผจญนรกแดนทมิฬ 20,000 ปี ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะพาคุณย้อนกลับไปดูการใช้ชีวิตในช่วงยุคที่โลกยังมีผู้คนไม่มาก และน้ำแข็งปกคลุมเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งช่วงนั้นจะเป็นฤดูที่หนาวเหน็บ อย่าว่าแต่มนุษย์เลย แม้แต่สัตว์ก็ยังใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบากเช่นกัน เพราะนอกจากอากาศจะหนาวเหน็บแล้ว ยังหาอาหารได้ยากอีกด้วย ผู้คนจึงต้องเตรียมตัวกันเอาไว้ตั้งแน่เนิ่นๆ ในการกักตุนและหาเสบียงไว้ใช้ในช่วงฤดูหนาว และต้องมีจำนวนพอเพียงสำหรับทุกคนในเผ่า เพื่อให้พร้อมรอหน้าร้อนที่กำลังจะมาถึงในอีกหลายเดือนข้างหน้า

ภาพจาก tv.apple.com

สำหรับภาพยนตร์ เรื่อง ALPHA (2018) จะกล่าวถึงเด็กหนุ่มที่มีชื่อว่า เคดา (รับบทโดย โคดี สมิธ แมคฟี) เขาเป็นคนหนุ่มรุ่นต่อไปที่จะต้องสืบทอดวิถีการใช้ชีวิตจากผู้ใหญ่ในเผ่าเพื่อความอยู่รอดของทุกคน จึงจำเป็นต้องเรียนรู้สิ่งต่างๆ ทั้งการทำอุปกรณ์ล่าสัตว์ การเดินทาง การล่าสัตว์ และการใช้ชีวิตอยู่ในท่ามกลางความหนาวเย็น และเขาต้องออกไปล่าสัตว์เมื่อถึงฤดูกาลเพื่อพิสูจน์ความเป็นลูกผู้ชาย ก่อนที่ฤดูหนาวจะมาถึง เผ่าของเคดามีชื่อว่า โซลูเทรียน และต้องออกไปล่าควายไบซันเพื่อนำกลับมาเป็นอาหาร และเคดายังเป็นลูกชายของหัวหน้าเผ่านามว่า เทา (รับบทโดย โยฮันเนส ฮาวเกอร์ โยฮันเนสสัน) ซึ่งเทาคาดหวังจะให้ลูกล่าสัตว์ได้สำเร็จและพิสูจน์ความเป็นลูกผู้ชายได้อย่างเต็มภาคภูมิ ในระหว่างทางเขาจึงพยายามถ่ายทอดสิ่งต่างๆ เพื่อให้เคดาสามารถนำไปใช้ในการเอาตัวรอด

ภาพจาก monsterarchaeologist.wordpress.com

แต่ในระหว่างการล่าควายไบซันเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เคดาถูกควายขวิดและตกลงไปจากหน้าผ่าสูงชัน จนตัวหล่นไปติดกับแหง่หินและสลบไป แต่เทาผู้เป็นพ่อคิดว่าเขาตายแล้ว จึงเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างมาก แต่จำเป็นต้องทิ้งศพเขาไว้ เพื่อเดินทางกลับไปยังเผ่าก่อนที่หิมะจะตกลงมา เคดาฟื้นขึ้นมาพบว่าตนเองนอนอยู่ริมหน้าผาสูง และขาข้างหนึ่งหัก เขาพยายามเรียกหาพ่อแต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับ ขณะนั้นฝนก็กำลังตกลงมาอย่างหนัก ทำให้เคดาพลัดหล่นลงไปในสายน้ำเบื้องล่าง

ภาพจาก nytimes.com

มาร่วมลุ้นกันต่อว่าเคดาจะสามารถเอาตัวรอดจากเหตุการณ์นี้อย่างไร และเดินทางกลับไปยังเผ่าสำเร็จก่อนที่หิมะจะตกลงมาหรือไม่ เพราะนี่เป็นครั้งแรกในการเดินทางออกจากเผาของเขา ที่สำคัญเขายังขาดประสบการณ์อีกด้วย โดยรวมแล้วเหมือนจะเป็นหนังแนวผจญภัย แต่เอาเข้าจริงพระเอกของเรื่องไม่ได้ผจญภัยอะไรมาก หากถามว่าแล้วหนังพอดูได้ไหม ถ้าดูเอาแบบสนุกๆ แก้เบื่อและไม่คาดหวังอะไรมากก็พูดได้ว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ถึงกับแย่จนเกินไป

#ซีรี่ย์เกาหลี #netflix #ซีรี่ย์จีน #ฝ่าโลก 20000 ปี

The Gray Man หนังแอ็คชั่นฟอร์มยักษ์ สุดมัน

The Gray Man มีชื่อภาษาไทยว่า “ล่องหนฆ่า” หนังแนวแอ็คชั่น, สายลับ, บู้, ระทึกขวัญสั่นประสาท เป็นภาพยนตร์ที่ทาง Netflix ใช้ทุนสร้างสูงสุดกันเลยทีเดียว โดยได้ โจ รุสโซ (Joe Russo)  และ แอนโธนี รุสโซ (Anthony Russo) มากำกับ เขียนบท และเป็นโปรดิวเซอร์ ถ้าอ่านชื่อไทยหลายคนคงนึกไปถึงหนังประเภทอภินิหารหรือไม่ก็มีพลังพิเศษที่สามารถล่องหนได้เป็นแน่ แต่เนื้อเรื่องจริงๆ ก็จะเป็นหนังบู้ฆ่าล้างแค้นที่ตัวเอกเก่งแบบสุดๆ อาจแนวๆ เดียวกับจอห์นวิก แต่เขาไม่มีตัวตนอยู่ในโลกความจริง เป็นเหมือนต้องอยู่แบบไร้ประวัติไม่มีข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้นในโลกให้ค้นหาได้ เพื่อจะได้ทำอาชีพนักฆ่าได้โดยไม่มีใครทราบว่ามาจากไหนไม่มีใครค้นหาและตามเจอ จะได้ไม่มีการสืบสาวไปถึงต้นต่อที่จ้างมานั่นเอง

ภาพจาก netflix.com

หนังเริ่มต้นเรื่องโดยกล่าวถึง Six (รับบทโดย ไรอัน กอสลิ่ง Ryan Gosling) นักฆ่าล่องหนที่ทำงานให้กับซีไอเอ ในช่วงแรกเขาถูกจับขังไว้ในคุกในฐานะนักโทษคนหนึ่ง แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่งเขาก็ได้รับเสนองานเพื่อแลกกับอิสรภาพ โดยเขาต้องมาเป็นนักฆ่าตามที่ได้รับคำสั่ง เป็นใครก็คงรับทำเพราะเป็นงานที่ถนัดอยู่แล้วก็คงดีกว่าติดอยู่ในคุก Six ออกมาทำหน้าที่นักฆ่าให้กับหน่วยงานเป็นเวลานาน จนมาวันหนึ่งเขาได้รับภารกิจให้สังหารชายลึกลับคนหนึ่ง แต่ก่อนที่ชายคนนั้นจะตายเขาได้บอกความลับบางอย่างกับ Six พร้อมเปิดเผยตัวตนจริงๆ ของเขาว่าเป็นใคร รวมทั้งได้มอบสิ่งของบางอย่างที่เป็นที่ต้องการของผู้ที่จ้าง Six มากำจัดเขา และนี่เองที่ทำให้ Six รู้สึกไม่ชอบมาพากลกับภารกิจต่างๆ ที่เขาได้รับ รวมไปถึงจุดจบของตัวเองในอนาคต

ภาพจาก screenworld.it

จริงๆ แล้วภาพยนตร์เรื่องนี้พล็อตต่างๆ ของเรื่องจะไม่ค่อยแตกต่างจากหนักสายลับหรือนักฆ่าที่ผ่านๆ มาอีกหลายเรื่อง ที่ไล่ล่าตามฆ่ากันแบบดุเดือด ฝั่งคนร้ายตายเป็นจำนวนมากแต่ฝั่งตัวเอกกลับไม่เป็นไรมาก อาจมีบาดเจ็บบ้างเล็กน้อยแต่ก็สามารถยืนยัดต่อไปได้ เกือบเหมือนคนมีพลังพิเศษแต่ก็ไม่ใช่ จะพูดว่าดูเว่อร์เกินไปก็ว่าได้ แต่หนังก็คือสิ่งที่สร้างขึ้นมาเพื่อความบันเทิง ตัวเอกจะมาเจ็บสู้ไม่ได้ก็คงหมดสนุก ซึ่งฉากต่างๆ ภายในเรื่องทำออกมาดีพอสมควรเลยทีเดียว เนื่องเรื่องเข้าใจง่าย ดำเนินเรื่องไปเร็ว ตัวร้ายแอบโรคจิตหน่อยๆ ที่เห็นการฆ่าสนั่นเมืองเป็นเหมือนเรื่องธรรมดา เพียงแค่ให้บรรลุเป้าหมายก็พอ ถ้าไม่ได้ใส่ใจเกี่ยวเนื้อเรื่องมาก ดูแบบมันส์ก็เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องที่น่าสนใจ ใครชอบดูหนังแนวนี้บอกเลยต้องห้ามพลาด

#ซีรี่ย์เกาหลี #netflix #ซีรี่ย์จีน #The Gray Man

Death on the Nile พาคุณไขปริศนาฆาตกรรมในแม่น้ำไนล์

Death on the Nile (2022) ฆาตกรรมบนลำน้ำไนล์ เป็นเรื่องราวที่สร้างจากนิยายฆาตกรรมที่โด่งดังของนักเขียน อกาธา คริสตี (Agatha Christie) ซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1937 และเคยถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์มาแล้วในปี 1978 นอกจากนี้ยังเคยฉายทางทีวีในช่วงปี 2004 กันอีกด้วย เป็นภาพยนตร์ที่กำกับโดย เคนเน็ธ บรานาห์ (Kenneth Branagh) และเขายังเป็นหนึ่งในนักแสดงเจ้าบทบาทยอดนักสืบอัจฉริยะ ที่มาพร้อมหนวดเฟี้ยวเป็นเอกลักษณ์นามว่า ปัวโรต์ ซึ่งคราวนี้เขาจะมาไขคดีปริศนาฆาตกรรมบนเรือหรูกลางลำน้ำไนล์ ที่ผู้คนบนเรือเกือบทั้งหมดดูเป็นผู้น่าสงสัย

ภาพจาก tvinsider.com

สำหรับภาพยนตร์ Death on the Nile เป็นเรื่องต่อจากนิยายแนวสืบสวนของ อกาธา คริสตี้ ที่ บรานาห์หยิบมาทำต่อจากเรื่อง Murder on the Oreint Express ซึ่งในตอนจบของภาคนั้น มาดามยูฟีเมีย ( แอนเนธ เบนนิ่ง) ได้เชิญให้ แอร์กูล ปัวโรต์  (เคนเนธ บรานาห์) มาที่อียิปต์ เพื่อมาสืบเรื่องราวเกี่ยวกับปูมหลังของผู้หญิงที่บุ๊ค (ทอม เบธแมน) เพื่อนรักของปัวโรต์หลงรัก หรือก็คือ โรซาลี่ (เลทิเทีย ไวท์)

ภาพจาก lwlies.com

โดยปัวโรต์บังเอิญไปขึ้นเรือสำราญที่กำลังแล่นไปบนแม่น้ำไนล์ เพราะดันไปเจอกับเพื่อนเก่าอย่างบุ๊ค (Bouc) ซึ่งเขาได้ชวนให้ร่วมทริปเดินทางท่องเที่ยวฮันนีมูนของเพื่อนเขาบนเรือลำนี้ แต่ในระหว่างการล่องเรืออันแสนสงบสุข อยู่ๆ ในเช้าวันหนึ่งดันเกิดการฆาตกรรมขึ้น ทำให้การพักผ่อนในครั้งนี้ต้องกลายมาเป็นการทำงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดย ปัวโรต์ ต้องทำการสืบคดี ค้นหาข้อมูล และนำเรื่องราวต่างๆ มาปะติดปะต่อกันเพื่อไขปริศนา และตามหาฆาตกรตัวจริงในระหว่างที่เรือล่องผ่านวิวทิวทัศน์และวัฒนธรรมต่างๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของอียิปต์ตลอดทั้งเส้นทาง ก่อนที่จะมีใครจะได้รับอันตรายไปกว่านี้

ภาพจาก noguiltfangirl.com

หากดูช่วงแรกๆ คุณอาจจะรู้สึกว่าเรื่องดำเนินไปค่อนข้างช้า กว่าจะเข้าเนื้อหาหรือจุดสำคัญๆ แต่จริงๆ แล้วหนังเพียงต้องการเล่าเรื่องให้คุณทราบถึงความเป็นไปของตัวละคร เพื่อให้คนดูทราบว่าตัวละครแต่ละคนมีนิสัยเป็นอย่างไรกันบ้าง หนังออกแนวอยากให้คนดูได้ร่วมจินตนาการและสืบหาคนร้ายไปพร้อมๆ กับ ปัวโรต์ นั่นเอง ในช่วงแรกจึงดูเหมือนไม่มีอะไรและไม่น่าตื่นเต้นเท่าไหร่นัก แต่เชื่อเถอะว่าใครดูเรื่องนี้พอหนังเริ่มแสดง คุณจะต้องพยายามจับตาดูตัวละครที่เข้ามาในฉากและพยายามจับผิดว่าใครดูน่าสงสัยที่สุดอย่างแน่นอน

ใครชอบดูหนังประเภทแนวนักสืบ ที่คนดูได้ร่วมจินตนาการหรือคาดเดาตัวคนร้ายไปด้วย บอกได้เลยว่าดูเรื่องนี้คุณจะรู้สึกสนุกและตื่นเต้นได้ลุ้นและเอาใจช่วย บัวโรต์ ไม่แตกต่างจากภาคแรกกันเลยทีเดียว

#ซีรี่ย์เกาหลี #netflix #ซีรี่ย์จีน

รีวิวซีรี่ย์เรื่อง To Fly With You (2021) สเก็ตหัวใจให้ถึงฝัน

ซีรี่ย์เรื่อง To Fly With You (2021) สเก็ตหัวใจให้ถึงฝัน เป็นซีรี่ย์จีนแนวโรแมนติก วัยรุ่น ผลงานการกำกับของ ชาเหวยฉี โดยซีรี่ย์เรื่องนี้มีนักแสดงมากความสามารถมาแสดงนั้นก็คือหวังอันอวี่ ที่มารับบทเป็น เส้าเป่ยเซิง หนุ่มหล่อดีกรีนักกีฬาไอซ์สเก็ตของทีมจู๋เฟิง โดยเขาถือได้ว่าเป็นนักกีฬาตัวเต็งที่เดินสาวกวาดรางวัลชนะเลิศและมีชื่อเสียงโด่งดังจนกลายเป็นที่รู้จัก นิสัยส่วนตัวของเขาคือเขาจะเคร่งครัดกับตัวเอง ขี้เล่น จนบางทีกลายเป็นคนที่ชอบกวน แต่ก็มีน้ำใจและรักเพื่อร่วมทีม คนต่อมาคือซงจู่เอ๋อร์ ที่มารับบทเป็น เสิ่นเจิงอี สาวน้อยหน้าตาหน้ารักที่ต้องการจะเข้าทีมไอซ์สเก็ตของมหาวิทยาลัยหลิ่งเป่ย โดยเธอมุ่งมั่นและฝึกฝนมาเป็นเวลากว่า 10 ปี จนถือได้ว่าเป็นผู้เล่นที่มีเทคนิคและประสบการณ์ แต่ถึงอย่างนั้นเธอกลับไม่ตรงตามเกณฑ์มาตรฐานของทีมจู๋เฟิง นิสัยส่วนตัวของเธอคือ มองโลกในแง่ดี มุ่งมั่น และไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ซีรี่ย์เรื่อง To Fly With You (2021) สเก็ตหัวใจให้ถึงฝัน สามารถรับชมได้ผ่านทาง WeTV

เนื้อเรื่องย่อของซีรี่ย์เรื่อง To Fly With You (2021) สเก็ตหัวใจให้ถึงฝัน

โดยซีรี่ย์เรื่อง To Fly With You (2021) สเก็ตหัวใจให้ถึงฝัน เปิดเรื่องราวมาที่ เสินเจิงอี สาวน้อยที่รักในการเล่นไอซ์สเก็ตมาก ต่อมาเธอได้บังเอิญพบกับเซ่าเป่ยเซิง ซึ่งเป็นนักกีฬาไอซ์สเก็ตฝีมือที่ได้ฉายาว่า “ราชาสเก็ตลีลา” แน่นอนว่า เสินเจิงอี เธอก็ชื่นชมเขามากจนอยากจะเป็นนักแข่งมืออาชีพให้ได้เหมือนเขา แต่แล้วอะไรๆก็เหมือนจะไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิดเมื่อฝีมือการเล่นสเก็ตของเธอยังไม่ตรงตามเป้าของเซ่าเป่ยเซิง แต่ก็ยังดีที่ เซ่าเป่ยเซิง ก็เป็นคนที่คอยช่วยเหลือและฝึกซ้อมให้เธอ แล้วเรื่องราวองทั้งคู่จะเป็นอย่างไร เสินเจิงอี  จะสามารถเป็นนักแข่งไอซ์สเก็ตมืออาชีพได้หรือไม่ ติดตามชมได้ใน ซีรี่ย์เรื่อง To Fly With You (2021) สเก็ตหัวใจให้ถึงฝัน

ความประทับใจหลังดูซีรี่ย์เรื่อง To Fly With You (2021) สเก็ตหัวใจให้ถึงฝัน

ซีรี่ย์เรื่องนี้เป็นซีรี่ย์แนวตามความฝันของวัยรุ่นที่เล่าเรื่องราวของ นักแข่งไอซ์สเก็ตมืออาชีพ เพราะฉะนั้นคนดูอย่างเราๆ ก็จะได้เห็นถึงการพัฒนาของตัวละคร และทำให้เราอยากที่จะติดตามเอาใจช่วยไปกับพวกเขา นอกจากนี้ส่วนตัวชอบเคมีของพระนาง ที่น่ารัก ดูแล้วฟินตามได้ไม่ยากเลย สำหรับซีรี่ย์เรื่อง To Fly With You (2021) สเก็ตหัวใจให้ถึงฝัน

คะแนนของเรื่องนี้ 7.5/10

อ้างอิงภาพจาก www.viu.com

#ซีรี่ย์เกาหลี #netflix #ซีรี่ย์จีน