• Home
  • Tag: รีวิวหนังน่าดู

รีวิวหนัง Dukhtar ภาพยนตร์เสียดสีเรื่องสิทธิสตรีได้ดีที่สุด

ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบดูภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องกับการเสียดสีสังคม คุณสามารถหาดูได้ทั่วไป เพราะปัจจุบันมีหลายประเทศที่ทำภาพยนตร์แนวเสียดสีสังคมออกมาอย่างมากมาย ทั้งเรื่องสิทธิสตรี LGBT ปัญหาเรื่องการบูลลี่ ปัญหาสีผิใ ปัญหาเรื่องเชื้อชาติ ฯลฯ ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับปัญหาสังคมของแต่ละประเทศที่ต้องการจะถ่ายทอดออกมาผ่านภาพยนตร์ ยิ่งถ้าประเทศที่ผลิตภาพยนตร์นั้น ๆ เป็นประเทศที่ประสบปัญหาอย่างแม้จริง จะยิ่งทำให้ตัวของหนังมีความสมจริงมากขึ้น อย่างเรื่องที่เราจะมารีวิววันนี้ก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสิทธิสตรีโดยตรง มีชื่อเรื่องว่า Dukhtar นั่นเอง

ขอบคุณเครดิตภาพปกจาก  pri

เรื่องย่อ Dukhtar

Dukhtar เป็นภาพยนตร์สัญชาติปากีสถานที่เข้าฉายใน Netflix ว่าด้วยเรื่องราวของสองแม่ลูกที่ถูกไล่ล่าเพราะหนีพิธีคลุมถุงชน อัลล่า ราคี คนเป็นแม่ที่ต้องพาลูกสาววัย 14 ปี หนีพิธีคลุมถุงชนกับเจ้าบ่าวที่อายุราวพ่อ เธอทำใจไม่ได้ที่จะเห็นลูกสาวแต่งงานกับชายแก่ที่เป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่เพราะไม่อยากให้อนาคตลูกสาวซ้ำรอยกับต้น ตนพยายามพาลูกสาวหนีไปบ้านเกิดของเธอที่เธอไม่เคยได้กลับไปเลยตั้งแต่แต่งงาน

แต่ว่าการหนีครั้งนี้ไม่ใช่เรื่อง่าย เพราะแทบทุกตารางนิ้วของพื้นที่เต็มไปด้วยอิทธิพลของจอร์แซร์ ข่าน คนที่ลูกสาวของเธอต้องแต่งงานด้วย แต่ด้วยความบังเอิญ เธอได้รับความช่วยเหลือของโซฮาล คนขับรถบรรทุกหนุ่มรูปงามที่พบโดยบังเอิญ ทำให้จับพลัดจับพลู เขาต้องจำใจช่วยเธอกับลูกให้พ้นจากเงื้อมือของจอร์แซ ข่าน เพื่อพาสองแม่ลูกไปส่งให้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย

Dukhar หนังที่เสียดสีความเหลื่อมล้ำของผู้หญิงได้อย่างเจ็บแสบ

ประเด็นหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้คือประเด็นที่ต้องการเสียดสีเรื่องของสตรีในประเทศแถบตะวันออกกลาง ที่มีความเหลื่อมล้ำทางเพศสูง โดยเฉพาะเพศหญิงที่ต้องเปรียบเหมือนช้างเท้าหลังของสามี ผู้หญิงต้องแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อยด้วยวิธีการคลุมถุงชน พอหลังจากแต่งงานฝ่ายชายาจะเป็นใหญ่สุดในบ้าน ภรรยาแทบไม่มีสิทธิ์ ไม่มีเสียงในการแสดงความคิดเห็นอะไรเลย อย่างในภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ตัวของราคีถูกจับแต่งงานตั้งแต่อายุ 15 หลังจากแต่งงานเธอต้องย้ายมาอยู่ในเมืองของสามี เธอไม่มีโอกาสได้กลับไปเยี่ยมแม่ที่บ้านเกิดอีกเลย และเธอก็ไม่มีสิทธิ์ ไม่มีเสียงในการแสดงความคิดเห็นกับสามี แม้กระทั่งเรื่องที่ลูกเธอถูกบังคับให้แต่งงานกับชายชราอายุคราวพ่อ เธอก็ไม่สามารถคัดค้านสามีได้ นั่นทำให้เธอตัดสินใจพาลูกสาวหนี และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดของภาพยนตร์เรื่องนี้

คะแนนรีวิว 10/10

ขอบคุณเครดิตภาพจาก  rababistan official

#Dukhar #รีวิวหนังน่าดู #หนังเสียดสีสังคม

A Quiet Place Part II ภาพยนตร์ดีที่คุณควรรับชม

ปกติแล้วเวลามีภาพยนตร์เรื่องใดเรื่องหนึ่งประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ทางผู้สร้างก็มักจะทำการออกภาค 2 ตามมาเนื่องจากมันสามารถทำงานได้เป็นอย่างดี แต่ภาพยนตร์ส่วนใหญ่ก็มักจะต้องพบเจอกับอาถรรพ์ภาพยนตร์ภาคต่อที่ดันทุรังทำออกมาเพื่อเอาเงินจากผู้รับชมเท่านั้น แต่ไม่ใช่กับภาพยนตร์เรื่อง A Quiet Place Part II เนื่องจากในภาคแรกนั้นได้จบแบบทิ้งปริศนาเอาไว้ เวลาสร้างภาคต่อมามันจึงไม่น่าเกลียด ไม่เพียงเท่านั้นมันยังสร้างความอยากรู้อยากเห็นให้กับผู้รับชมอีกด้วยว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป แม้ว่ากระแสภาค 2 จะไม่เปรี้ยงป้างเท่ากับตอนออกภาคแรกเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 แต่หากใครที่เคยรับชมภาคแรกมาก่อนเราขอแนะนำว่าคุณไม่ควรพลาดภาพยนตร์ภาคต่อเรื่องนี้โดยเด็ดขาด

https://in.bookmyshow.com/tadipatri/movies/a-quiet-place-part-2

เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง A Quiet Place Part II

https://thestandard.co/a-quiet-place-part-ii/

หากใครที่ยังไม่ได้รับชมภาพยนตร์เรื่อง A Quiet Place Part II ข้อความต่อไปนี้อาจเปิดเผยข้อมูลสำคัญ ในภาคนี้ภาพยนตร์จะยังคงเล่าเรื่องถึงครอบครัวแอบบ็อตเหมือนเดิม หลังจากที่ครอบครัวต้องสูญเสียสมาชิกไปจนทำให้เหลือเพียงแค่แม่ พี่สาวคนโตที่หูหนวกและเป็นใบ้ น้องชายคนกลางที่ขี้กลัว และเด็กทารกที่เพิ่งคลอดออกมาได้ไม่นาน พวกเขาก็ต้องเดินทางออกจากบ้านเนื่องจากเมื่อครั้งที่ถูกเหล่าเอเลี่ยนบุกเข้ามาโจมตี บ้านได้รับความเสียหายอย่างหนักจนไม่สามารถอาศัยอยู่ได้อีกต่อไป ที่สำคัญคือพวกเขารู้วิธีการต่อกรกับเหล่าสัตว์ประหลาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากเดินทางไปพบกับคนกลุ่มอื่นก็จะสามารถช่วยมวลมนุษยชาติที่ต้องอาศัยอยู่อย่างเงียบสงบให้สามารถกลับมาทวงคืนโลกใบนี้ได้สำเร็จ สิ่งนั้นก็คืออุปกรณ์ช่วยฟังของลูกสาวคนโตนั่นเอง แต่การเดินทางท่ามกลางอันตรายและมนุษย์ที่เปลี่ยนไปหลังจากต้องเอาตัวรอดท่ามกลางสภาวะกดดันเป็นเวลานานกว่าหนึ่งปี เต็มไปด้วยความยากลำบากและอุปสรรคที่ทำให้พวกเขานั้นต้องเผชิญกับความอันตรายอย่างถึงที่สุด แม้ว่าจะเอาตัวรอดมาได้แต่พี่สาวคนโตก็สามารถแกะสัญญาณจากเพลงวิทยุและต้องการจะเดินทางไปยังเกาะที่อยู่ใกล้กัน แม้ว่าผู้เป็นน้องชายจะไม่เห็นด้วยแต่สุดท้ายแล้วเธอก็แอบทุกคนเดินทางไปตามลำพัง เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป น่าติดตามรับชมต่อได้ในภาพยนตร์

ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง A Quiet Place Part II

https://pantip.com/topic/40803497

            A Quiet Place Part II จะไม่ได้เป็นภาพยนตร์ที่เน้นความเงียบเหมือนในภาค 1 อีกต่อไป ในภาคนี้จะมีองค์ประกอบหลายอย่างที่ช่วยให้เราได้ยินเสียงการพูดคุยกันของมนุษย์มากยิ่งขึ้น แม้ว่ามันจะไม่ได้เล่นกับความเงียบ แต่ภาพยนตร์ก็ยังคงสามารถถ่ายทอดความเครียดและความกดดันได้เหมือนเดิม เพียงแต่เพิ่มเติมความสนุกสนานในการต่อสู้เข้ามามากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าการถ่ายทอดเรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สามารถทำออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีช่วงจังหวะที่ทำให้เรารู้สึกเบื่อเลยแม้แต่น้อยขณะการรับชม

Link :

#A Quiet Place Part II #หนังระทึกขวัญ #รีวิวหนังน่าดู

รีวิว Paper Town นครแห่งกระดาษ

Paper town มหานครแห่งเมืองกระดาษ ภาพยนตร์ที่มีการผสมผสานระหว่างความดราม่า ตลกร้าย และสืบสวนสอบสวน ที่เหมาะกับสังคมในปัจจุบันที่ผู้คนใส่หน้ากากหันหน้าเข้าหากันในทุกวัน

ขอขอบคุณเครดิตภาพปกจาก thefilmfav.blogspot

เส้นเรื่องของ Paper town จะเล่าถึงเรื่องราวของตัวละครเอก 2 คน คือ มาร์โก (รับบทโดย Cara Delevingne) กับเพื่อนสนิทสุดซี้ เควลติน (รับบทโดย Nat Wolff) ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก แต่มีนิสัยใจคอต่างกันสุดขั้ว อย่างมาร์โก เธอจะเป็นสาวช่างลุย ชอบความลึกลับและปริศนา ผู้คนในเมืองมักจะมองว่าเธอค่อนข้างแปลกแยก เพราะพฤติกรรมแปลก ๆ ของเธอ ส่วนเควลติน จะเป็นเด็กหนุ่มที่แอบชอบมาร์โกมาตั้งแต่เด็ก แต่เขาไม่กล้าบอกเธอ เพราะเขาเป็นผู้ชายขี้อาย ไม่กล้าเปิดเผย หรือแสดงตัวตนออกมาให้ใครเห็น เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ มาร์โก ได้หายตัวไปอย่างลึกลับจากเมือง หลังจากคืนหนึ่งที่เธอกับเควลตินได้ไปทำภารกิจสุดแสบด้วยกัน เธอหายตัวไปพร้อมทิ้งร่องรอยปริศนาเอาไว้ จนทำให้เควลตินต้องออกไปตามหาเธอกับเพื่อนอีก 4 คน คือ เบ็น เลซี่ แองเจร่า และเรดาห์ พวกเขาออกเดินทางตามหามาร์โก ตามปริศนาร่องรอยที่เธอที่เอาไว้

ตัวของภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาของการเป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลาย เรื่องราวของการใช้ชีวิตที่ได้เสียดสีสภาพสังคมในปัจจุบันอย่างเจ็บแสบ ทั้งเรื่องของการเรียนที่ทุกคนต้องทำตามแบบแผนที่สังคมกำหนดเป็นบรรทัดฐาน ราวกับว่าเป็นเมืองที่ถูกตราไว้ในกระดาษแผ่นนึง ถึงแม้จะไม่มีกฎตายตัว แต่ถ้าไม่ทำตามสิ่งเหล่านี้ก็จะดูเหมือนเป็นเรื่องแปลกแยก ตัวของหนังส่วนใหญ่จะเป็นการผจญภัยของเหล่าวัยรุ่นทั้ง 5 ในระหว่างการเดินทางก็สอดแทรกเรื่องราวต่าง ๆ ให้ผู้ชมได้คิดกันตลอด มีทั้งการผจญภัย การพบเจอปัญหาและอุปสรรค การช่วยกันไขปริศนา รวมถึงมิตรภาพที่ดีระหว่างการเดินทาง

ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้มีฉากแอกชันที่ตื่นเต้น หรือฉากเร้าร้อนทางอารมณ์มากเท่าไหร่ ออกจะดูเรื่อย ๆ เรียบซะมากกว่า จึงไม่เหมาะกับคนที่ชอบดูหนังตื่นเต้น แต่สำหรับใครที่ชอบดูหนังแบบเก็บรายละเอียด ซึมซับบรรยากาศ ก็สามารถดูเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะตัวของหนังได้มีการสอดแทรกแนวคิดทางปรัชญาให้คนดูได้มองย้อนหลังมาดูชีวิตของแต่ละคนว่าทำอะไรดีพอหรือยัง หรือสิ่งที่ทำไป ทำเพื่ออะไร เพื่อใคร

วิดีโอตัวอย่าง :

     สำหรับผู้เขียนให้คะแนนภาพยนตร์เรื่องนี้ 9/10 ส่วนที่ดีที่สุด คือ แนวคิดที่ภาพยนตร์พยายามสอดแทรกเข้ามาแบบไม่ยัดเยียด นักแสดงนำที่น่าดึงดูดอย่างคาร่าที่จะทำให้ทุกคนโลดแล่นไปในเมืองที่ชื่อ “Paper town” กัน

#Paper Town #รีวิวหนังน่าดู #หนังเก่าแนะนำ

[รีวิว] The Omen (2006) คำสาปจากนรก

ถ้าพูดถึงหนังเกี่ยวผีฝรั่ง ส่วนใหญ่แล้วเนื้อหาจะไม่ได้เป็นหนังผีอาฆาตแบบของทางฝั่งเอเชีย แต่หนังสยองขวัญของทางตะวันตก ส่วนใหญ่จะเป็นในลักษณะของซาตานที่มาจากขุมนรกมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นซานตานที่สามารถแปลงกายเป็นอะไรก็ได้ แม้กระทั่งเกิดเป็นมนุษย์ แม่ชี เด็ก สุนัข ตัวตลก หรือบางทีก็ไม่มีตัวตนเลย ซึ่งหนังเหล่านี้ส่วนใหญ่จะต้องมีเรื่องของศาสนาคริสต์เข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะซานตานถือเป็นศัตรูของพระเยซู และหนังส่วนใหญ่จะเล่าให้ซาตานเป็นผู้ท้าทายอำนาจของพระเยซู หนึ่งในหนังซาตานที่โงดังจนกลายเป็นตำนานของโลกตะวันตกเลยก็คือเรื่อง The Omen

เรื่องราวของ The Omen

The Omen เป็นหนังที่มีการรีเมคใหม่ 2 เวอร์ชัน ซึ่งเวอร์ชันแรกสุดฉายในปี 1976 และในปี 2006 เรื่องราวเริ่มจากสามีภรรยาคู่หนึ่งอยากมีลูกด้วยกัน ซึ่งสามีก็คือ โรเบิร์ต ธอร์น เป็นนักการทูต ส่วนภรรยา แคทเทอรีน ธอร์น ก็อยากมีลูกมานาน จนวันหนึ่งเธอก็ตั้งครรภ์จนได้ ซึ่งเด็กในท้องเป็นผู้ชาย ทั้งคู่ต่างดีใจที่จะได้มีลูกกันสักที แต่พอเมื่อถึงวันคลอด เคทก็สูญเสียลูกในท้องไป โดยที่เธอไปรู้ตัว โรเบิร์ตก็เลยไปรับเด็กคนหนึ่งซึ่งแม่ของเขาเสียชีวิตวันเดียวดับที่ลูกชายคนตาย เขาจึงนำเด็กคนนี้มาสวมรอยเลี้ยงเป็นลูกตามคำแนะนำของบาทหลวงแบรนด์เนอร์

แต่สิ่งนั้นมันเปลี่ยนครอบครัวเขาไปตลอดชีวิต เมื่อพวกเขามีความรู้สึกผิดปกติกับลูกชายของเขาในวัย 5 ขวบ จากความผิดปกติจนเริ่มจับสังเกตได้ แต่อันตรายต่าง ๆ เริ่มเข้ามาในครอบครัวเขา รวมถึงคนที่เกี่ยวข้องต้องตายไปทีละคน นั่นทำให้โรเบิร์ตต้องเริ่มออกค้นหาความจริงถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

The Omen เวอร์ชันใหม่ที่ถูกเปรียบเทียบกับของเดิม

แน่นอนว่า ละครหรือหนังที่เกิดจากการทำซ้ำ ย่อมเกิดการเปรียบเทียบเป็นธรรมดา อย่างเรื่องนี้ก็เช่นกัน ที่มักจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับของเดิม อย่างเรื่องนักแสดง การตัดต่อ แต่โดยส่วนตัวเราไม่เคยดูเวอร์ชัน 1976 ก็เลยไม่มีข้อเปรียบเทียบ แต่จะพูดถึงเฉพาะเวอร์ชัน 2006 สิ่งแรกที่ชื่นชอบอย่างมากก็คือพล็อตเรื่อง ปกติเราเป็นคนที่ชอบหนังแนวซาตานฝรั่งอยู่แล้ว ด้วยความเราศึกษาเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ (แต่ไม่ได้ถือสัญชาติ) ทำให้เราค่อนข้างอินกับเรื่องราว แต่จุดที่เราคิดว่าเป็นข้อบกพร่องของเรื่องนี้คือ การตัดต่อบางช่วง เช่น  ช่วงที่ตัวเอกกำลังฝัน มันให้ความรู้สึกตัดแบบลวก ๆ ไปหน่อย แต่ถ้าดูโดยรวมก็พอดูได้ ไม่ได้น่ากลัวมากเมื่อเทียบกับหนังซาตานเรื่องอื่น

คะแนนรีวิว 8/10

วิดีโอตัวอย่าง :

เครดิตภาพปกโดย alternateending

#The Omen 2006 #รีวิวหนังน่าดู #หนังระทึกขวัญ

[รีวิว] The nun อีกหนึ่งมุมมองสำหรับคอหนังแนว Horror flim

สำหรับใครที่เป็นคอหนังแนว Horror ต้องไม่มีใครไม่รู้จักเรื่อง The nun ตำนานผีแม่ชีที่เป็นหนังเดียวกันกับจักรวาล The conjuring จักรวาลหนังสยองขวัญที่ดีที่สุด

สำหรับเรื่อง The nun เป็นเรื่องราวที่สร้างขึ้นเป็นภาคสุดท้ายต่อจาก The conjuring 1 และ 2 รวมถึงเรื่อง Annabelle ทั้ง 3 ภาค แต่เรื่องราวตามจริง The nun เป็นเรื่องที่เกิดก่อนเหตุการณ์ทั้งหมด ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวซาตานตนหนึ่งที่ชื่อวาลัค ซาตานจากขุมนรกที่เกลียดพระเยซูและท้าทายต่อศาสนาคริสต์ ได้ขึ้นมาบนโลกมนุษย์โดยคาดว่าน่าจะขึ้นมาตั้งแต่สมัยยุคมืดของยุโรป และได้แฝงตัวอยู่ในนั้น จนต่อมาได้แฝงตัวเป็นแม่ชีอยู่ที่วิหารแห่งหนึ่งในโรมาเนีย จริง ๆ แล้วเขาเล่าว่าวาลัคถูกจองจำอยู่ในกลางห้องแห่งหนึ่ง แต่ด้วยสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 2วิหารได้รับความเสียหายแล้วเกิดพื้นแยกจนวาลัคหลุดออกมาได้ แล้วก็ไล่ฆ่าแม่ชีทุกคนโดยการสิงร่างและก็จะกลายเป็นทาสของมัน

แม่ชีในโบสถ์เริ่มตายทีละคนสองคน จนเหลือแม่ชีคนสุดท้ายที่ได้ผูกคอตายเพื่อไม่ให้วาลัคเข้าสิงร่าง นั่นทำให้เป็นสาเหตุ “ไอรีน” ซิสเตอร์ฝึกหัดต้องเข้ามาสืบหาความจริงในโบสถ์กับบาทหลวง

จริง ๆ แล้วเรื่อง The nun เป็นหนึ่งในภาพยนตร์แนวสยองขวัญที่ทำได้ดีมากไม่แพ้หนังซาตานเรื่องใด แต่ที่แปลกใจคือ กลับไม่ถูกจริตผู้ชมชาวไทย โดยเฉพาะในพันทิพที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องนี้ ส่วนใหญ่จะบอกว่าไม่ค่อยน่ากลัว ผีแม่ชีไม่น่ากลัวเท่าไหร่ ซึ่งส่วนตัวฉันคิดว่า เป็นเพราะคนไทยส่วนใหญ่ไม่อินกับเรื่องแบบนี้ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกับคริสต์ศาสนาโดยตรง อย่างตัววาลัคเอง ก็ไม่ใช้ผีตุ้งแช่แบบของไทย ไม่ใช่วิญญาณที่ถูกฆ่าตายแล้วเฮี้ยนเหมือนผีไทยหรือผีญี่ปุ่น หรือแม้แต่ใน The conjuring เอง แต่วาลัคคือปีศาจที่มีพลังอำนาจ ไม่ได้เกิดมาเพื่อแก้แค้นคน แต่เกิดมาเพื่อทำลายศาสนาโดยใช้คนเป็นเครื่องมือ

ส่วนตัว ฉันว่าเรื่องนี้ทำได้ดีมาก เรียกได้ว่าเป็นอันดับต้น ๆ ในบรรดาหนังสยองขวัญรองจาก The conjuring เลย ด้วยบรรยากาศการถ่ายทำที่ให้ความรู้สึกถึงความคลาสิคของยุคกลางและให้ความรู้สึกขนลุกเมื่อตัวละครเดินเข้าไปในแต่ละฉากในโบสถ์ อีกทั้งนักแสดงนำที่ต้องขอชื่นชมอย่างมากอย่าง  Bonnie Aarons ที่ต้องรับบทเป็นวาลัคสุดหลอน ซึ่งปกติหน้าตาของเธอก็หน้ากลัวอยู่แล้ว บวกกับการแสดงที่สมบทบาท เรียกได้ว่าเป็นตัวละครที่น่ากลัวสุด ๆ เลยค่ะ

คะแนนรีวิว 10/10

วิดีโอตัวอย่าง:

เครดิตภาพปกโดย reviewnang

#The nun #รีวิวหนังน่าดู #หนังระทึกขวัญ

รีวิว “Ayat Ayat Cinta” ภาพยนตร์รักสอนใจอินโดนีเซียที่น่าตราตรึง

            ประเทศไทยของเรามีภาพยนตร์จากต่างชาติมากมายเข้ามามีบทบาทและเกิดความนิยมจนค่ายละครประเทศนั้นมีคนติดตามจำนวนมาก ที่เราจะเห็นกันส่วนมากก็จะเป็นภาพยนตร์จีน ภาพยนตร์เกาหลี ภาพยนตร์ญี่ปุ่น และภาพยนตร์ลาว แต่ใครจะไปรู้ว่าในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังมีประเทศหนึ่งที่สร้างภาพยนตร์คุณภาพมากมายจนโด่งดังมากในแถบยุโรปและสหรัฐอเมริกา นั่นก็คือประเทศอินโดนีเซียนั่นเอง อินโดนีเซียเป็นอีกหนึ่งประเทศในเอเชียที่ผลิตภาพยนตร์และเพลงคุณภาพที่แสดงถึงความรักได้อย่างตราตรึงใจมากมายหากคุณลองเปิดดูบ้างก็จะติดใจเหมือนเรา  และวันนี้เราก็จะมารีวิวภาพยนตร์เรื่อง “Ayat Ayat Cinta” ซึ่งเป็นหนึ่งในภาพยนตร์สร้างชื่อเสียงของอินโดนีเซีย จะน่าติดตามแค่ไหนไปดูกัน

เรื่องย่อภาพยนตร์ Ayat Ayat Cinta”

            ภาพยนตร์ “Ayat Ayat Cinta” ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของ “ฟารีล บิน อับดุลเลาะ ชิดิล” นักศึกษาชาวอินโดนีเซียที่กำลังจะจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ของโลกอย่าง Al-Azhar กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ เขาต้องเข้าพิธีแต่งงานกับ “อาอิชา เกรสมาส” สาวลูกครึ่งเยอรมัน- ตุรกีนัยน์ตาสวยผู้ซ่อนใบหน้าจริงไว้ภายใต้ผ้าฮิญาบ เพราะตามหลักของศาสนาอิสลามแล้ว มีเพียงชายคนรักเท่านั้นที่จะสามารถเห็นใบหน้าจริงผู้หญิงได้ ทว่าฟารีลก็หลงรักหญิงสาวตรงหน้าตั้งแต่แรกเห็นเพราะความงดงามล้ำลึกของดวงตาเธอ แต่ขณะเดียวกัน “มาเรีย กีกีส” หญิงสาวผู้นับถือศาสนาคริสต์แต่กำเนิดหากแต่หลงใหลในศาสนาอิสลามก็แอบรักฟารีลมากเช่นกัน…แต่เธอก็รู้ว่ามันไม่มีวันจะเป็นไปได้

ความน่าสนใจของภาพยนตร์ “Ayat Ayat Cinta”

            ภาพยนตร์ “Ayat Ayat Cinta” มีการบอกเล่าถึงเรื่องราวความรักของผู้หญิง 2 คนที่มีต่อชายคนเดียวกัน ซึ่งจะเรียกทั้งคู่ว่าเป็นนางเอกเลยก็คงจะไม่ผิด เพราะต่างคนต่างก็มีมุมมองความรักบริสุทธิ์ที่มอบให้กับชายที่รักแตกต่างกัน สำหรับอาอิชานั้นเป็นสาวที่อ่อนโยน ทว่าภายในกลับเข้มแข็ง เธอต้องอยู่แต่ในกฎเกณฑ์ของสังคมอินโดนีเซียมาโดยตลอดเพื่อให้เหมาะสมกับการเป็นภรรยาที่ดี คอยร่วมทุกข์ร่วมสุขกับสามี ส่วนตัวของมาเรียแม้จะรักพระเอกมากแค่ไหนแต่ก็ไม่เคยคิดจะเข้าไปเป็นบุคคลที่สามเลย ได้แต่แสดงความยินดีให้กับทั้งคู่ อีกทั้งเธอก็ป่วยเป็นโรคลูคีเมียรอวันตาย ชีวิตเธอนั้นมีความใฝ่ฝันอยู่แค่ 2 อย่าง คือ อยากได้รับความรักจากฟารีลตอบกลับมาสักเล็กน้อยและอยากจะอยู่ภายใต้หลักคำสอนตามการนับถือของศาสนาอิสลาม จวบจนเธอได้ไปเห็นเหตุการณ์ที่ฟารีลโดนใส่ร้ายว่าข่มขืนโน่รา บาฮาดูลเข้าและถูกรถชน ส่วนฟารีลก็ถูกจับไปขังคุก อาอิชาจึงต้องเผยความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวของตัวเองออกมาเพื่อช่วยเหลือสามีให้ทันโดยออกตามหามาเรียที่นอนเป็นเจ้าหญิงนิทราไม่ได้สติ พร้อมกับเดินเรื่องประกันตัวฟารีลด้วยแม้จะหนักสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งแต่เธอก็พร้อมจะต่อสู้เพื่อเขา เธอได้ค้นพบสมุดบันทึกของมาเรียนจนอดที่จะนับถือใจของมาเรียที่มีต่อสามีเธอไม่ได้งก่อนจะหมดหวังมาเรียก็ได้ฟื้นขึ้นมาด้วยแรงแห่งความปรารถนาที่ต้องการช่วยคนที่เธอรักเช่นกัน หลังจากที่ได้ไปเป็นพยานและทำให้ฟารีลรอดพ้นจากคดี อาอิชาก็ได้ทำให้ความปารถนาของมาเรียเป็นจริงในระยะเวลาอันสั้นก่อนที่เธอจะเสียชีวิตโดยให้มาเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายอีกคนของฟารีล เธอจึงได้มีความสุขและซาบซึ้งในความรักเมตตาที่ฟารีลและอาอิชามอบให้ก่อนจะเข้ารับการนับถือศาสนาอิสลามและจากไปในท่าละหมาดด้วยความสงบ หนังเรื่องนี้จึงไม่ใช่หนังรักสามเส้าทั่วไปอย่างที่คุณเคยสัมผัสมา แต่เต็มไปด้วยมิตรภาพ การเสียสละ และความหวังที่ทุกคนพึงมีเพื่อให้คนที่รักมีความสุข

ข้อคิดดี ๆ จากภาพยนตร์ “Ayat Ayat Cinta”

            ภาพยนตร์ “Ayat Ayat Cinta” ได้สอนให้เราเข้าใจถึงมุมมองความรักตามหลักของศาสนาที่หลายคนอาจจะมองข้ามไป โดยเฉพาะศาสนาอิสลามที่เน้นให้รักเพื่อนมนุษย์และมีจิตที่เอื้ออาทรต่อกัน ไม่มีความรักใดที่จะยิ่งใหญ่ไปกว่าความรักในคำสอนการใช้ชีวิตของศาสนาแล้ว

ลิงก์เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์ “Ayat Ayat Cinta”

ตัวอย่างภาพยนตร์ Ayat Ayat Cinta”

Rossa – Ayat Ayat Cinta OST. Ayat Ayat Cinta

รูปภาพประกอบ : https://www.imdb.com/

#Ayat Ayat Cinta #ภาพยนตร์อินโดนีเซีย #รีวิวหนังน่าดู

รีวิวหนัง The Shape Of The Water

            หากใครกำลังมองหาหนังรักต่างสายพันธุ์อยู่ วันนี้เราจะมาแนะนำหนังเรื่อง “The Shape Of The Water” ซึ่งเป็นหนังแนวความรักของสาวใบ้กับสัตว์ประหลาดที่อยู่ในน้ำให้ทุกคนได้รู้จักกัน เพราะเป็นหนังอีกเองที่โด่งดังและกระแสตอบรับจากผู้ชมก็ดีมากเช่นกัน ใครที่ดูกันแล้วสามารถเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันได้นะ

เรื่องย่อของหนัง The Shape Of The Water”

            หนัง “The Shape Of The Water” ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของ “เอไลซ่า เอสโพซิโต” เด็กกำพร้าที่ถูกพบในแม่น้ำพร้อมแผลบนลำคอ เธอเป็นใบ้และสื่อสารโดยใช้ภาษามือแต่กำเนิด เมื่อเติบโตขึ้นก็ต้องอาศัยอยู่ตัวคนเดียวในอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งของชั้นบนโรงหนัง และทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดในห้องทดลองลับของรัฐบาลในเมืองบอลทิมอร์ระหว่างช่วงสงครามเย็น เพื่อนของเธอ ได้แก่ เพื่อนบ้านชื่อ “ไจลส์” นักวาดภาพโฆษณาที่กำลังตกยาก และเพื่อนร่วมงานชื่อ “เซลด้า” ที่ทำหน้าที่เป็นล่ามให้เธอในที่ทำงาน ชีวิตของเอไลซ่าดำเนินไปแบบปกติ จนกระทั่งวันหนึ่งที่ศูนย์ทดลองได้รับสิ่งมีชีวิตลึกลับที่ถูกจับมาจากแม่น้ำที่อเมริกาใต้โดย “พันเอก ริชาร์ด สตริคแลนด์” ผู้มีหน้าที่ดูแลโครงการศึกษาสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ ด้วยความสงสัยเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตตัวนี้ เอไลซ่าได้เข้าไปในห้องทดลองและพบว่ามันเป็นอมนุษย์ครึ่งบกครึ่งน้ำสีเขียว ด้วยความสนใจและสงสารทำให้เอไลซ่ามักจะแอบเข้าไปเยี่ยมเขาอย่างลับๆ คอยดูแลและจากความใกล้ชิดกันทำให้ทั้งเธอและอมนุษย์นั้นเกิดความรักกันจนกลายเป็นรักต่างเผ่าพันธุ์ที่จะตราตรึงใจผู้ชมทั่วโลก

ความน่าสนใจของหนัง The Shape Of The Water”

            เราอาจจะเคยเห็นหนังแนวรักต่างสายพันธุ์มาหลายเรื่องแล้ว แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นตัวเอกเองที่เคยเป็นคนแล้วกลายร่างเป็นตัวประหลาดจนตกหลุมรักมนุษย์ แต่หนัง “The Shape Of The Water” กลับถูกสร้างให้แหวกแนวจากหนังเรื่องที่ผ่านมาโดยนำเอาตัวประหลาดอมนุษย์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่ไม่รู้ที่มาที่ไปว่าเกิดขึ้นมาได้อย่างไรหรือจะเป็นสัตว์จากต่างดาว ตัวหนังไม่ได้บอก แต่แสดงให้เราเห็นเน้นไปทางความรักของนางเอกกับเขาที่ไม่มีอะไรมาขวางกั้นได้แม้แต่ความตาย ความใกล้ชิดที่แรกเริ่มด้วยความไม่ไว้วางใจเมื่อได้เห็นถึงความเมตตา ไร้ซึ่งความรังเกียจก็ทำให้อมนุษย์ตนนั้นหลงรักเธอเช่นกัน จวบจนฉากสุดท้ายที่นางเอกยอมช่วยอมนุษย์ที่ตัวเองรักให้รอดพ้นจากการทดลองโดยพาหนีจนเสี่ยงชีวิตถูกยิงจนอมุษย์ได้นำพาเธอสู่ห้วงน้ำลึกที่ไม่มีใครมาทำอันตรายหรือคั่นกลางความรักของพวกเขาได้อีก ซึ่งเพียงพริบตาที่กอดกัน คอของนางเอกที่เป็นแผลก็ได้แปรสภาพกลายเป็นครีบเหมือนเจ้าอมนุษย์ทำให้เธอสามารถหายใจใต้น้ำและอยู่กับเขาอย่างมีความสุข ซึ่งแม้จะตะลึงนิดหน่อยแต่ก็พอจะปะติดปะต่อเรื่องราวออกตั้งแต่ที่บอกว่านางเอกถูกพบริมน้ำแล้วว่านางอาจเป็นลูกครึ่งคนปกติกับอมนุษย์แน่นอน ซึ่งพ่อแม่นางเอกคงรู้อยู่แล้วว่าสักวันเมื่อถึงเวลา นางก็จะกลายเป็นอมนุษย์เช่นกันจึงจำเป็นต้องทิ้งเอาไว้ เป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่ค่อนข้างสนุกอยู่นะคะ อยากให้ลองไปหามาดูกัน

ข้อคิดจากหนัง The Shape Of The Water”

            หนัง “The Shape Of The Water” ทำให้เรารู้ว่าความรักไม่จำเป็นต้องมีการจำกัดอายุ เพศ หรือแม้แต่เผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกัน เพราะไม่ว่าอย่างไรพวกเราต่างก็ได้ชื่อว่าสิ่งมีชีวิตทั้งนั้น และใคร ๆ ก็ไม่สามารถเลือกเกิดได้ แต่เราก็มีจิตใจเหมือน ๆ กัน เจ็บปวด สุขใจ และรักได้เหมือนกันไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม หากความรักของคุณที่มีต่ออีกฝ่ายเป็นความรักที่บริสุทธิ์ก็จงอย่ารีรอที่จะทำให้ความรักของคุณสมหวัง เพราะความรัก…อยู่เหนือกฎทุกอย่างในโลกใบนี้ และเมื่อสิ่งมีชีวิตทั้งสองรักกันก็เปรียบเสมือนว่าแต่ละฝ่ายได้เป็นส่วนหนึ่งของกันและกันแล้ว

Trailer :

รูปภาพประกอบ : www.imdb.com

#The Shape Of The Water #รีวิวหนังน่าดู #Guillermo del Toro

รีวิวหนัง “The Conjuring คนเรียกผี” ความสยองที่อยู่ใกล้ตัวคุณ

            หากใครที่เป็นคอหนังผีสยองขวัญแนวสั่นประสาทก็คงจะรู้จักหนังเรื่อง “The Conjuring คนเรียกผี” กันแน่นอน เพราะเป็นหนังที่มีฉากตุ้งแช่ค่อนข้างเยอะ อีกทั้งยังมีกลิ่นอายของปมปริศนาที่รอให้ผู้ชมได้ค้นพบและร่วมกันไขมากมายซึ่งนาน ๆ ทีเราจะเจอหนังผีที่สนุกแบบนี้ วันนี้เราจึงจะมีรีวิวหนัง “The Conjuring คนเรียกผี” กันค่ะ

ที่มาของหนัง “The Conjuring คนเรียกผี

            หนัง “The Conjuring คนเรียกผี” เป็นภาพยนตร์แนวสยองขวัญปนลึกลับปริศนาซึ่งได้ผู้กำกับหนังผีและหนังแนวเหนือธรรมชาติฝีมือดีระดับเทพอย่างเจมส์ วานมาทำให้ตัวหนังมีการดำเนินเรื่องและมุมมองที่ชวนให้ติดตามทุกฉาก ยิ่งหนัง “The Conjuring คนเรียกผี” สร้างมาจากเหตุการณ์จริงของบ้านแต่ละหลังที่มีวิญญาณสิงสถิตที่คู่สามีภรรยาเอ็ดและลอร์เรน วอร์เรนซึ่งเป็นนักสืบสวนเรื่องเหนือธรรมชาติไปพบเจอมา ยิ่งทำให้น่าติดตามและอยากรู้เรื่องราวเหนือธรรมชาติที่เคยเกิดขึ้นมากกว่าเดิม

เรื่องย่อของหนัง “The Conjuring คนเรียกผี

            หนัง “The Conjuring คนเรียกผี” เป็นหนังที่มีหลายภาคซึ่งสร้างอิงมาจากเรื่องจริงของภารกิจช่วยเหลือผู้คนที่บ้านของพวกเขาถูกวิญญาณและสิ่งชั่วร้ายครอบงำโดยในแต่ละภาคของหนัง “The Conjuring คนเรียกผี” จะนำภารกิจเด่น ๆ ที่เอ็ดและลอร์เรน วอร์เรนได้เผชิญกับความน่ากลัวและยากที่สุดตั้งแต่ที่เคยเจอออกมาสร้างฉายผ่านภาพยนตร์ให้ผู้ชมได้อารมณ์ของความสยองขวัญ สั่นประสาท และปริศนาจากโลกของวิญญาณ ซาตานต่าง ๆ ที่หน้าของคัมภีร์ไบเบิลไม่เคยกล่าวเอาไว้

ความน่าสนใจของหนัง “The Conjuring คนเรียกผี

            หนัง “The Conjuring คนเรียกผี” เป็นหนังที่ทำให้เราได้เข้าใจถึงความเชื่อด้านวิญญาณและปีศาจซาตานของศาสนาคริสต์มากขึ้น อีกทั้งยังทำให้เราได้เห็นถึงความชั่วร้ายที่ซ่อนอยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นในบ้านหรือตามศาสนสถานคริสต์ที่หากเป็นปีศาจที่มีพลังอำนาจมากแม้แต่ความศักดิ์สิทธิ์ของโบสถ์และสิ่งของต่าง ๆ ก็ย่อมยากที่จะต่อกรได้ซึ่งมีความโหดกว่าผีไทยที่ทำได้เพียงแค่หลอกให้คนหวาดกลัวและประสาทเสียจนเป็นอันตรายไปเองเท่านั้น นับเป็นหนังผีอีกเรื่องที่เปิดมิติใหม่ให้เราเห็นถึงสาเหตุ แรงกรรม และบ่วงที่ทำให้วิญญาณยังคงสิงสถิตอยู่ในที่นั้น ๆ มันยังสามารถหลอกให้คุณหลงกลและพลาดพลั้งเสียท่าได้ง่ายหากประมาท ทำให้เราต้องลุ้นว่าคุณเอ็ดและลอร์เรน วอร์เรนจะรอดจากภารกิจที่แสนอันตรายและระทึกขวัญเหล่านี้ไปได้หรือไม่ เป็นหนังผีที่เราแนะนำให้ดูเป็นอันดับแรก ๆ เลยค่ะ แล้วก็ขอย้ำเตือนว่าคนที่เป็นโรคหัวใจไม่ควรเสี่ยงเพราะมีฉากตุ้งแช่บ่อยแน่นอน

เครดิตภาพประกอบ : https://www.imdb.com/

#The Conjuring #รีวิวหนังน่าดู #หนังสยองขวัญ