• Home
  • Tag: รีวิวหนัง Netflix

รีวิว Low season สุขสันต์วันโสด

สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เราจะมารีวิวหนังไทยแนวโรเมนติกคอมเมดี้ อย่างเรื่อง low season สุขสันต์วันโสด  ที่เข้าฉายไปในปี2020 ส่วนตัวเราเพิ่งมามีโอกาสได้ดูย้อนหลัง  ในNetflix  เลยอยากจะมารีวิวให้ฟังกันค่ะ เป็นรีวิวตามความรู้สึกส่วนตัวนะคะ

เครดิตรูปภาพ

https://mgronline.com/drama/detail/9630000010450

เนื้อเรื่อง

 จะเป็นเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่รักล่ม เพราะเธอนั้นมองเห็นผี จึงตัดสินใจเดินทางไปยังจุดเริ่มต้นของความรัก  เลยขึ้นดอยไปเลยจ้า  ไปถึงก็มีเรื่องให้ต้องหลอน เพราะเธอดันไปเห็นผีในที่พักอีกทำเอาวุ่นวายไปหมด  ทำให้เธอได้เจอกับพระเอกหนุ่มหล่อขี้เหงา  เลยขอติดรถขึ้นไปบนรีสอร์ทบนเขา และได้พบกับคนโสดขี้เหงาอีกหลายคน  ซึ่งแต่ละคนคือฮามาก  ดูไปหัวเราะไป  เนื้อเรื่องยังแอบมีความหลอนปนอยู่  เพราะนางเอกสามารถเห็นผีได้  แน่นอนว่าต้องมีผี  แต่ไม่ได้น่ากลัวมากนะคะ แค่พอหลอนๆไปตามบรรยากาศ  ระหว่างเรื่องก็มีฉากน่ารักๆ มาให้ฟินกัน ดูแล้วสนุก  อบอุ่นใจดีค่ะ

บรรยากาศ

บรรยากาศในเรื่องคือดีมาก  ทั้งธรรมชาติ วิวสวยๆ วิถีชีวิต  คือถ่ายทำออกมาได้ดีมากค่ะ เราชอบบรรยากาศในแต่ละฉากมากๆ ได้อารมณ์เหมือนอยู่เชียงใหม่สุดๆ

นักแสดง

นักแสดงในเรื่องก็คือลงตัวมาก นางเอก( พลอยไพลิน) คือน่ารักมาก แสดงได้เป็นธรรมชาติดีค่ะ  ส่วนพระเอก(มาริโอ้) ก็คือหล่อ แต่กวนมาก555 เลยทำให้หนังดูมีเสน่ห์  และสนุกค่ะ ไม่น่าเบื่อเกินไป  อีกอย่างที่ต้องพูดถึงคือเหล่านักแสดงสบทบ หรือกลุ่มคนเหงาบนรีสอร์ท  ทุกคนคือแสดงได้ดีมาก คาเรกเตอร์ชัดเจน เพิ่มสีสันต์ให้หนังดูสนุกมากยิ่งขึ้น  มันเลยลงตัวค่ะ  สนุกมาก

เครดิตรูปภาพ

http://sahamongkolfilm.com/saha-movie/low-season-movie-2563/

รีวิว

                   สำหรับคะแนนรีวิว เราให้10/10ค่ะ เป็นภาพยนตร์ในดวงใจอีกเรื่องนึงเลย  ทั้งนักแสดง เนื้อเรื่อง มุม  ฉาก การถ่ายทำ และที่เรารู้สึกชอบที่สุดคือ บรรยากาศในเรื่องค่ะ บรรยากาศดอย ในภาคเหนือ ซึ่งเราชอบมากๆ ดูแล้วอยากไปเที่ยวตามรอยละครเลยค่ะ ซึ่งต้องบอกว่า สถานที่ในเรื่อง และตัวละครทุกคนก็มีอยู่จริงนะคะ  เราเลยรู้สึกว่ามันดูเป็นธรรมชาติ  และสามารถอินกับหนังได้อย่างดีเลย  ยิ่งได้นั่งดูกับคนรัก ตอนฝนตก  บอกเลยว่าฟินมากๆค่ะ ได้บรรยากาศสุดๆ  สำหรับเราชอบเรื่องนี้มาก  อยากแนะนำให้ไปหาดูกันนะคะ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน

ขอจบการรีวิวไว้แค่นี้นะคะ  สำหรับใครที่อยากจะลองไปหาดู  สามารถดูได้ที่Netflix เลยค่ะ  ลองไปดูกันนะคะ  เป็นหนังไทยดีๆ ที่ไม่ควรพลาดเรื่องนึงเลย

#รีวิวหนังฮิต #ภาพยนตร์ในดวงใจ #รีวิวหนัง Netflix

รีวิวหนัง Netflix : Nightbooks เมื่อเด็ก ๆ ถูกจับมาให้เล่าเรื่องสยองขวัญทุก ๆ คืน

หนัง Netflix แฟนตาซี สยองขวัญ Nightbooks

ต้องบอกเลยว่าใครที่คิดถึง หนังแฟนตาซี ที่มีซีจีอลังการ ขอแนะนำให้มาดู หนัง Netflix เรื่อง Nightbooks ที่มาในธีมของหนังสยองขวัญแฟนตาซี ที่ดูผ่าน ๆ แล้ว หลายคนอาจจะเข้าใจว่าเป็นหนังสำหรับเด็กหรือเปล่า แต่บอกเลยว่าหนังเรื่องนี้มีฉากสยองพอสมควร จนแอบคิดว่าน่าจะเหมาะกับผู้ใหญ่มากกว่า เพราะดูแล้วสนุกสนาน และได้อรรถรสความสยองและแฟนตาซีแบบจัดเต็มมาก ๆ

เรื่องย่อ หนัง Netflix Nightbooks

เป็นเรื่องราวของอเล็กซ์เด็กที่ชอบแต่งเรื่องสยองขวัญ เขาได้หนีออกจากบ้าน และถูกล่อลวงโดยแม่มดให้มาอยู่ในบ้านประหลาด ๆ ที่เขาจะไม่สามารถหนีได้ โดยแม่มดได้ยื่นเงื่อนไขให้เขาเล่าเรื่องสยองขวัญที่แต่งให้ฟังทุกคืน ถ้าหากเขาไม่มีเรื่องที่จะเล่าแล้ว เขาจะต้องจบชีวิตลง ซึ่งเมื่ออเล็กซ์ได้เข้ามาที่บ้านหลังนี้ เขาก็ได้พบกับเด็กผู้หญิงอีกคนที่ชื่อว่า ยัสมิน เขาและเธอเลยต้องพยายามหาทางหนีออกไปจากที่นี่ และตัวอเล็กซ์เองก็ต้องพยายามแต่งเรื่องสยองขวัญในทุก ๆ คืน เพื่อยืดเวลาออกไป ทั้ง ๆ ที่ตัวเขานั้นไม่ได้อยากแต่งอีกแล้ว

ตัวอย่าง

Nightbooks หนังสยองขวัญแฟนตาซี ที่มีความสมัยใหม่มาก ๆ

สำหรับความเป็นหนังแฟนตาซีของเรื่องนี้ ถ้าคุณคิดว่าจะเป็นหนังแฟนตาซีสยองขวัญที่มืด ๆ ทึม ๆ เหมือนหนังเก่า ขอบอกเลยว่าไม่ใช่ เพราะเรื่องนี้เป็นหนังแฟนตาซีที่มีความสมัยใหม่มาก ๆ ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม และที่สำคัญเลยก็คือ ตัวละครแม่มด ที่ทั้งสวยเริ่ดสุด ๆ ออกมาในแนวแม่มดสมัยใหม่ แต่เห็นสวย ๆ แบบนี้ พอถึงเวลาที่ต้องโหด ขอบอกเลยว่าเราก็สยองไปตาม ๆ กัน ซึ่งสิ่งที่น่าชื่นชมสำหรับเรื่องนี้เลยก็คือ การวางปมตัวละครแต่ละตัว ถึงจะมีตัวละครไม่เยอะ แต่เรากลับดูได้อย่างไม่เบื่อเลยทีเดียว

ซีจีอลังการ Nightbooks ปลุกพลังการจินตนาการได้อย่างอยู่หมัด

สำหรับความอลังการของงานแฟนตาซีในเรื่องต้องบอกเลยว่า มีหลายฉากที่น่าประทับใจ เวลาเข้าไปในห้องต่าง ๆ และเรื่องเล่ามันเป็นอะไรที่สวยมาก ๆ ในแง่ขององค์ประกอบศิลป์ สำหรับใครที่กำลังมองหา หนังแฟนตาซี ที่มีอะไรให้ดู ให้เล่นเยอะ ขอแนะนำว่าต้องมาลองดูเรื่องนี้ให้ได้ แล้วคุณจะว้าวไปกับฉากต่าง ๆ ที่พอจะสวยก็ทำได้สวยมาก ๆ และพอถึงเวลาสยอง ก็สยองมาก ๆ เหมือนกัน สมแล้วกับการเป็น หนังสยองขวัญ แฟนตาซี Netflix ที่ผู้ใหญ่ดูแล้วไม่เบื่อเลย

#Nightbooks #รีวิวหนัง Netflix #หนัง Netflix สยองขวัญ

รีวิวหนัง The Outsider

The Outsider เป็นหนังที่ผลิตและฉายทางช่วง เน็ตฟลิ๊ก นักแสดงคือ จาเลต เลโต้ สุดหล่อของขวัญใจสาวๆ ซึ่งออกฉายตั้งแต่ปี 2018 แต่หลังจากที่ผมได้ดูก็ถึงกับอุทานในใจว่า ฉันไปอยู่ไหนมา เป็นหนังที่ทำให้ได้รู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของญ่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น เกี่ยวกับแก๊งยากูซ่า และการนำเสนอ การแสดง และภาพของหนังบอกเลยว่า ดีมากๆ แม้ว่าเนื้อเรื่องอาจจะอ่อนด้อยอยู่บ้าง แต่โดยรวมถือว่าดีและเจ๋งไปเลย หนังจะถ่ายทอดออกมารุนแรงสักหน่อยหากว่าใคร รับไม่ไหวก็ไม่แนะนำนะครับ แต่บอกเลยว่าด้วยความหม่นหมองที่ จาเลต ถ่ายทอดออกมานั้น ทำให้เราได้เข้าถึงอารมณ์ของตัวละครที่เขาเล่นเป็นอย่างมาก และรวมไปถึงความเท่ห์ในแบบญี่ปุ่น ความกล้า ความคิด จิตใจ ของยากูซา ที่ก็ต้องบอกเลยว่ายอมรับในความเป็นพวกเขามากๆ สำหรับคะแนนขอให้อยู่ที่ 7/10 ใครที่กำลังมองหาหนังดีๆ เท่ห์ดูแนะนำเลยครับสำหรับเรื่องนี้ไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

ขอบคุณรูปภาพปกจาก bombmovie.com

เนื้อเรื่องของหนัง The Outsider

เหตุการณ์เกิดขึ้นในคุกที่ญี่ปุ่นในช่วงสงคราม เมื่อ นิค นำแสดงโดย จาเล็ต เลโต้ ทหารชาวเมกันที่ติดคุกที่ญ่ปุ่น ได้ทำการช่วยเหลือ คิโยชิ ยากูซ่า คนหนึ่งระหว่างที่ติดคุก และ คิโยชิ สัญญากับ นิค เอาไว้ว่า ถ้าหากเขาได้ออกจากคุก จะกลับมาช่วยนิค และเมื่อพ้นโทษ นิค ก็ได้รับการช่วยเหลือตามที่ คิโยชิ ได้ให้คำสัญญาเอาไว้ และทำให้ นิค ได้เข้าร่วมเป็น ยากูซ่า และได้ร่วมต่อสู้กับแก๊งยากูซ่ากลุ่มอื่นๆ แต่เรื่องราวก็ไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิดจะเป็นอย่างไรนั้นทุกท่านต้องติดตามชมกันครับ บอกเลยว่ามันส์จริงๆ กับหนังเรื่องนี้The Outsider

สิ่งที่ได้จากหนังเรื่อง The Outsider

The Outsider ทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมญ่ปุ่น และรวมไปถึงเรื่องราวของแก๊งยากูซ่า ที่มีความน่ากลัวและน่าสนใจไปพร้อมๆกัน วัฒนธรรมที่การทำผิดพลาดคือการต้องฆ่าตัวตายหรือการทรยศหักหลัง แต่นอกเหนือไปจากนั้นก็คือ ความเป็นจริงของสังคมบนโลกใบนี้ ที่มันจะมีกลุ่มประมาณนี้อยู่ทั่วโลกนั่นแหละครับ ซึ่งอยู่ที่เราเองว่าจะไปยุ่งเกี่ยว หรือ ออกมาให้ห่างเลี่ยงให้ไกล ไม่ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่ผิด ก็จะสามารถอยู่ห่างได้แล้ว แต่หากวันใดที่เราตัดสินลงไปเล่นกับสิ่งที่ไม่ดีที่ผิด แน่นอนครับว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาก็เป็นเดียวกัน และที่สำคัญก็คือเข้าแล้วออกยากด้วย ดังนั้นข้อคิดที่ได้ก็คือ รักสงบอยู่แบบสบายๆให้ชีวิตได้ซึมซับเรื่องราวชีวิตไปเรื่อยๆดีที่สุด

ขอบคุณรูปภาพจาก youtube.com/

#รีวิวหนัง Netflix #รีวิว The Outsider #หนัง Netflix น่าสนใจ

รีวิวหนัง New Of The Wold

New Of The Wold หนังใหม่คุณภาพดี ที่ออกฉายเฉพาะ ในระบบสตีมมิ่ง อย่าง Netflix ที่ได้ดาราระดับแนวหน้าของวงการ เจ้าของรางวัล 2 ออสการ์ ถึง 2 ตัว อย่าง ทอม แฮงค์ส มาแสดงนำ กำกับโดย พอล กรีนกราส ผู้กำกับที่ฝากเอาไว้มากมาย กับผลงานกับหนังที่เราคุ้นเคยก็คงจะเป็นหนังแอ็คชั่นสายลับสุดมนส์อย่าง The Bourne ในภาคที่ 2-4 ซึ่งสำหรับเรื่อง New Of The Wold นี้ก็เป็นการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งของ ทอม แฮงค์ส และ กรีนกราส โดยพวกเขาเครื่องร่วมงานกันมาแล้วจากหนังเรื่อง Captain Phillips ซึ่งเคยได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 6 ตัว อีกด้วย สำหรับเรื่องนี้ก็เป็นผลพวงที่มาจากการที่ เกิดการระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 จึงทำให้ ทอม แฮงค์ส ลงมือเขียนบทเรื่องนี้ด้วยตัวเองอีกด้วย เพราะเมื่อการทำหนังเข้าฉายในโรงเกิดผลกระทบอย่างหนัก การลงมาเล่นในตลาดสตรีมมิ่ง ที่ยังเปิดกว้างอยู่นั้นก็เป็นอะไรที่น่าท้าทายเอามาก ๆ ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องบอกว่า ทอม แฮงค์ส ไม่ทำให้ผิดหวัง การแสดงของเขายังคงตราตรึง แต่หากพูดถึงในเรื่องบทของหนังนั้น มันก็ยังดูไม่ค่อยน่าติดตาม และมันยังขาดแรงจูงใจให้เราติดตามหนังไปด้วยความบันเทิงในระดับที่ดี ซึ่งก็ออกจะน่าเบื่อไปสักหน่อยและไม่มีความน่าตื่นเต้นหักมุมอย่างที่มันควรจะมีในหนัง ซึ่งหากใครชื่นชอบการแสดงของนักแสดงรางวัลออสการ์คนนี้ ก็บอกเลยว่าสมใจอย่างแน่นอน

ขอบคุณรูปภาพปกจาก pantip.com

เนื้อเรื่องของหนัง New Of The Wold

New Of The Wold เป็นเรื่องราวในยุคสมัยที่ประเทศอเมริกายังเริ่มต้นการสร้างประเทศ ยังคงมีการล่าชนเผ่าอินเดียนแดง การเป็นทาส และการล่าอาณานิคม ดินแดนที่ยังคงเป็นแดนเถื่อนอยู่ทุกหัวระแหง และ ทอม แฮงค์ส ผู้รับบทเป็นอดีตทหารยศร้อยเอก โดยหลังปลดประจำการก็มาทำหน้าที่รับจ้างเป็นคนอ่านข่าว ตามเมืองต่าง ๆ เพื่อแลกเงินจากคนที่เข้ามาฟัง บังเญวันหนึ่งได้ไปพบกับเด็กสาวคนหนึ่งโดยบังเอิญ เขาจึงต้องรับหน้าที่ในการดูแลเพื่อนำตัวไปส่งให้กับญาติของเด็กสาวคนนั้น และ ระหว่างทางก็ต้องเจอเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมายที่มันหมายถึงชีวิตเลยทีเดียว

สิ่งที่ได้จากหนังเรื่อง New Of The Wold

New Of The Wold จะทำให้เราได้เรียนรู้ว่า อเมริกา ช่วงก่อตั้งนั้น มีความดิบเถื่อนมากน้อยแค่ไหน รวมไปถึงการที่ไปรุกรานคนพื้นเมืองที่เขาอยู่มาก่อนและบอกว่าตัวเองอยู่สุงกว่าเพราะเป็นคนขาว มันช่างทำให้เรารู้สึกกับอเมริกาไปอีกรูปแบบหนึ่งเลยทีเดียว

ขอบคุณรูปภาพจาก pantip.com

#New Of The Wold #รีวิวหนัง Netflix #หนัง Netflix แนะนำ

รีวิวภาพยนตร์ใน Netflix เรื่องHigh Society

ภาพยนตร์เรื่อง High Society เป็นภาพยนตร์แนวดราม่า ผลงานการกำกับของ บยอนฮยอก โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้นักแสดงมากความสามารถมากมายมาร่วมแสดงไม่ว่าจะเป็นพัคแฮอิล ที่มารับบทเป็น จางแทจุน สามีของ โอซยอน เขาเป็นศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยโซล เขามีความสามารถจนกลายเป็นที่จับตามองและเป็นที่พูดถึงมากขึ้นหลังจากได้ออกรายการทีวี เสวนาปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งเขาได้พูดถึงธนาคารพลเมือง แนวคิดที่แปลกใหม่นอกกรอบ เอื้อต่อประชาชนทุกคน และสามารถยกระดับเศรษฐกิจประเทศได้ คนต่อมาคือซูเอ รับบทเป็น โอซูยอน ภรรยาของ จางแทจุน เป็นภัณฑารักษ์ของศูนย์แสดงงานศิลป์และวัฒนธรรมแถวหน้าของประเทศ และเธอนั่งตำแหน่งรองผู้อำนวยการ ที่กำลังเตรียมการเปิดแกลลอรี่แห่งใหม่ในเครืออีกแห่ง โดยเธอหวังมากว่าแกลลอรี่นี้จะเป็นผลงานส่งให้เธอได้โปรโมตเป็นผู้อำนวยการเร็วขึ้น คนต่อมาคือคิมคังอู รับบทเป็น แพคกวังฮยอน นักธุรกิจที่ให้เป็นผู้สนับสนุนเงินทุนหาเสียงและทุนดำเนินนโยบายของธนาคารพลเมือง และคนสุดท้ายที่จะมาแนะนำในวันนี้คือคิมกยูซอน รับบทเป็น พัคอึนจี อดีตนักศึกษาในคลาส โอซยอน ที่ยอมพลีกายให้ โอซยอน อย่างเต็มใจ ภาพยนตร์ High Society เป็นภาพยนตร์เมื่อปี 2561

เนื้อเรื่องย่อของภาพยนตร์เรื่อง High Society

ภาพยนตร์เรื่อง High Society เปิดเรื่องราวมาที่ คู่สามีภรรยาที่พยายามเข้าไปสู่การเป็นคนชนชั้นบน จากต้นทุนดั้งเดิมของทั้งคู่ที่ก็ไม่ได้ด้อยอะไรมากนัก โดยภรรยาเป็นภัณฑารักษ์และรองผู้อำนวยการของแกลเลอรีศิลปะชื่อดังของกลุ่มธุรกิจที่ร่ำรวย ส่วนฝ่ายสามีก็เป็นศาสตราจารย์ที่มีชื่อเสียงในมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของประเทศ หลังทั้งคู่ค้นพบว่าหนทางสู่การเป็น ไฮโซ ก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด สามีภรรยาคู่นี้จึงหาทางกันและมาลงตัวที่ฝ่ายหนึ่งจะลงเล่นการเมือง ส่วนอีกฝ่ายพยายามจะคว้าตำแหน่งสูงสุดในองค์กรให้ได้ โดยที่ทั้งคู่ก็ต่างมีเงินทุนเบื้องหลังที่มีความเชื่อมโยงกันอยู่ และนอกจากนี้เรื่องราวการเดินไปสู่การเป็นคนชนชั้นบนนี้แล้ว เรื่องก็ยิ่งซับซ้อนขึ้น เมื่อทั้งคู่ต่างก็มีโอกาสมากขึ้นให้ตัวเองสามารถนอกลู่นอกทาง นอกใจคนรักได้ แล้วเรื่องราวของสามีภรรยาของคู่นี้จะเป็นอย่างไรต่อไป ต้องติดตามชมทาง Netflix กับภาพยนตร์เรื่องHigh Society

ความประทับใจหลังดูภาพยนตร์เรื่อง High Society

ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นหนังที่มีเนื้อหาจิกกัดและสะท้อนสังคมอย่างดุเดือด มีการพูดถึงเหล่าไฮโซ ที่มีทั้งอำนาจเงิน เกียรติ ความโลภและกิเลสหนา ที่ตั้งอยู่เหนือความสัมพันธ์ครอบครัว และจิตสำนึกความเป็นมนุษย์  ใครที่ชอบหนังแนวเสียดสีสังคมแบบนี้อยู่แล้ว ต้องดูเลยค่ะ รับรองว่าสนุกน่าติดตาม กับภาพยนตร์เรื่อง High Society

คะแนนของเรื่องนี้ 8.5/10

อ้างอิงภาพจาก www.netflix.com

#รีวิวหนัง Netflix #High Society #หนังเกาหลีNetflix

[รีวิวหนัง] His house บ้านของใคร หนังสยองขวัญที่จะทำให้คุณขนหัวลุกก่อนนอน

His house หรือในชื่อภาษาไทยว่า บ้านของใคร เป็นภาพยนตร์แนวสยองขวัญที่สร้างขึ้นโดย Netflix เป็นเรื่องราวของครอบครัวชาวผิวสีที่หนีสงครามมาอยู่ในที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งทางการเป็นคนจัดบ้านให้อาศัยอยู่ ซึ่งก่อนหน้าที่ทั้งคู่จะย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ ทั้งคู่เคยมีลูกสาว 1 คน แต่ก็ต้องสูญเสียลูกสาวไประหว่างการเดินทาง

ทั้งคู่ได้เข้ามาอยู่ในบ้านที่ทางรัฐจัดสรรให้สำหรับผู้ลี้ภัย โดยมีข้อแม้ว่าต้องอยู่ที่นี่ตลอด ด้วยความที่ไม่มีทางเลือกจึงจำเป็นต้องอยู่ หลังจากที่เข้ามาอยู่ ทั้งคู่ก็เริ่มรู้สึกแปลก ๆ กับบ้านหลังนี้ พวกเขาได้ยินเสียงฝีเท้าคน เสียงประหลาดจากอะไรก็ไม่รู้ได้ จนนำมาสู่เหตุการณ์สยองขวัญที่ตามมา

สิ่งที่น่าสนใจในเรื่อง His house

ถึงแม้ว่าว่าเรื่อง His house อาจจะไม่ค่อนได้รับความนิยมมากเท่าไหร่ แม้แต่คะแนนใน IMDB ก็ได้ไปเพียง 6.4 เท่านั้น แต่เราต้องบอกเลยว่า เรื่องนี้เป็นหนังที่หลอนใช้ได้เลย อย่างในเรื่องของบรรยากาศที่มีให้ความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะมุมหนึ่งของโลกกำลังร้อนเป็นไฟจากสงคราม ส่วนอีกมุมนึงก็สงบสุขราวกับเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยที่สุด อย่างตัวละครเอกของเรื่องอย่างรีอัลกับโบล ที่ย้ายเข้ามาอยู่ที่อังกฤษก็คิดว่ามันเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย แต่ว่าต้องมาเจอเรื่องที่ดูเหมือนจะร้ายแรงพอ ๆ กับสงคราม มันคือเรื่องของสิ่งที่มองไม่เห็น ฉะนั้น มันเลยเป็นความอึดอัดใจของตัวละครเอกที่ต้องเลือกระหว่าง 2 สิ่ง คือทนอยู่ในบ้านหลังนี้แต่ต้องเจอกับเรื่องประหลาดหรือกลับไปประเทศตัวเองแต่ต้องผจญกับสงคราม เป็นทางเลือกที่เรียกได้ว่า ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย เพราะไม่สามารถไปทางอื่นได้แล้ว

พูดถึงสิ่งที่ประทับใจไปแล้ว มาถึงสิ่งที่ไม่ค่อยประทับใจบ้างดีกว่า สิ่งที่ไม่ค่อยชอบสำหรับหนังเรื่อง คือ การกำกับและใส่ซาวด์ อย่างเรื่องของการกำกับ มันจะมีหลายฉากที่ผู้กำกับจงใจทำให้ตกใจตามสไตล์หนังสยองขวัญ แต่สำหรับเราคิดว่ามันไม่ค่อยถูกจังหวะ บวกกับการใส่ซาวด์ที่ยัดเหยียดใส่มาให้ดูหลอน แต่จังหวะการใส่มันผิดจังหวะกับเหตุการณ์ จนทำให้ดูตลกและไม่เกิดความรู้สึกน่ากลัวเลยสักนิด แต่มันกลับดูแล้วน่ารำคาญมากกว่า

ถ้าถามความรู้สึกของฉันต่อหนังเรื่อง His house ต้องขอบอกเลยว่า ดูได้ไม่เสียหาย เนื้อเรื่องน่าสนใจใช้ได้ แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่จะเป็นหนังดีขึ้นหิ้งขนาดนั้น

วิดีโอเพิ่มเติม :

คะแนนรีวิว : 6/10

เครดิตภาพปกโดย playinone

#His house #รีวิวหนัง Netflix #หนังสยองขวัญ

รีวิว Time Trap ถ้ำกับดักเวลาพิศวง

            ต้องขอออกตัวก่อนว่ารีวิวนี้ ‘มีสปอยล์’ ขอเกริ่นถึงความรู้สึกแรกก่อนที่จะตัดสินใจดูหนังเรื่อง Time Trap นี้แบบไม่ดูรีวิวใด ๆ และอ่านเรื่องย่อมาก่อน สิ่งแรกเมื่อเห็นชื่อเรื่องและโปสเตอร์ นึกถึงความหนังแนวพจญภัย ลึกลับ ต้องทำมิชชั่นภายในเรื่องบ้าง แต่เมื่อเริ่มดูไปได้ครึ่งเรื่อง เริ่มต้องตั้งสติและตั้งใจดูอย่างจริงจังสักที เพราะตลอดเวลาที่ดู ต้องคิดตามตลอดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง อดีตเป็นอย่างไร สำหรับใครที่ชอบหนังแนวต้องลุ้น ต้องทำความเข้าใจอยู่พอสมควร ก็ขอให้ลองดู !

เรื่องย่อ Time Trap

            Time Trap เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับกลุ่มนักศึกษาคณะโบราณคดีได้ทำการเดินทางเข้าสู่ถ้ำลึกลับกลางป่าใหญ่เพื่อตามหาอาจารย์ที่เข้าไปสำรวจถ้ำ และติดต่อไม่ได้อีกเลย ภารกิจนี้เหมือนจะไปได้ดี เมื่อเขาไปกันหลายคนพร้อมอุปกรณ์สำหรับการปีนเขาและสำรวจถ้ำครบมือ แต่แล้วความแปลกก็เริ่มขึ้น เมื่อพวกเขาได้ปีนลึกลงไปในถ้ำ สัมผัสได้ถึงอากาศที่เปลี่ยนไป ราวกับอยู่กันคนละสภาพแวดล้อม

            ขณะทำการสำรวจ พวกเขาพบกับเสียงร้องแปลกประหลาด และตามมาด้วยเชือกที่ถูกตัด ทำให้ไม่สามารถปีนขึ้นไปได้ พวกเขาจึงพยายามติดต่อกับเพื่อนที่รออยู่ด้านนอกเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่แล้วก็ไร้ซึ่งเสียงตอบกลับ จนกระทั่งได้รับสัญญาณวิทยุขอความช่วยเหลือจากเพื่อนคนนั้นที่ตกลงมาภายในถ้ำเพื่อตามหาพวกเขา หลังจากนั้นจึงได้รู้ความจริงว่าเวลาภายในถ้ำและด้านนอก เดินไม่เหมือนกัน พวกเขาอยู่ในถ้ำเพียง  นาที แต่ภายนอกกลับผ่านไปหลายวันแล้ว

            จุดไคล์แมกซ์ของเรื่องนี้บอกเลยว่าอยู่ที่ความสับสนของเวลา กว่าพวกเขาจะรู้ตัวและปักใจเชื่อจริง ๆ ว่าเวลาด้านในนั้นต่างกับด้านนอกแค่ไหน ก็สายไปเสียแล้ว เพราะ โลกภายนอกผ่านไปหลายปี แถมภายในถ้ำยังมีมนุษย์ถ้ำ และมิติเวลาที่เดินช้าจนแทบจะไม่เดิน เหมือนกับสต๊าฟทุกสิ่งเอาไว้ ภายหลังพวกเขาจึงได้รู้ สิ่งที่อาจารย์ต้องการจากถ้ำนี้ ไม่ใช่เพียงการสำรวจ แต่เป็นการตามหาครอบครัวที่ติดอยู่ภายในถ้ำเวลาแห่งนี้

            ความประหลาดใจของหนังแนวนี้มักทำให้คนดูคาดไม่ถึง ด้วยการผสมความวิทยาศาสตร์เข้าไป เกี่ยวกับมนุษย์จากโลกอนาคต สุดท้ายจบด้วยการเฉลย ว่าแต่ละความลึกของถ้ำนั้นเวลาเดินไม่เหมือนกัน ยิ่งลึก เวลาภายนอกยิ่งผ่านไปเร็ว

วิดีโอเพิ่มเติม :

            โดยรวมเป็นหนังที่มีความสนุก ถึงแม้โลเคชั่นในเรื่องจะไม่เยอะ แต่การเดินเรื่องทำได้ดี มุมกล้องและแสงออกมาลงตัว ไม่ใช่หนังที่มืดจนหมดสนุก ผสานด้วยตัวละครแปลก ๆ ในแต่ละช่วงเวลาด้วยนั้น คุ้มค่าแก่เวลา และถึงแม้หนังเรื่องนี้จะถ่ายทำตั้งแต่ปี 2560 ด้วยค่าหนังอิสระในอเมริกา แต่เพิ่งเข้า Netflix ไทยเมื่อไม่นานมานี้ กลับได้รับความนิยม ติดท็อป10 ภายในไม่กี่วัน พลาดไม่ได้แล้วล่ะ

ขอขอบคุณภาพประกอบบทความ

ภาพที่ 1 จาก Konbanang https://www.konbanang.com/time-trap-

#รีวิว Time Trap #รีวิวหนัง Netflix #หนังNetflix น่าดู

[รีวิวหนัง] His house บ้านของใคร หนังสยองขวัญที่จะทำให้คุณขนหัวลุกก่อนนอน

His house หรือในชื่อภาษาไทยว่า บ้านของใคร เป็นภาพยนตร์แนวสยองขวัญที่สร้างขึ้นโดย Netflix เป็นเรื่องราวของครอบครัวชาวผิวสีที่หนีสงครามมาอยู่ในที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งทางการเป็นคนจัดบ้านให้อาศัยอยู่ ซึ่งก่อนหน้าที่ทั้งคู่จะย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ ทั้งคู่เคยมีลูกสาว 1 คน แต่ก็ต้องสูญเสียลูกสาวไประหว่างการเดินทาง

ทั้งคู่ได้เข้ามาอยู่ในบ้านที่ทางรัฐจัดสรรให้สำหรับผู้ลี้ภัย โดยมีข้อแม้ว่าต้องอยู่ที่นี่ตลอด ด้วยความที่ไม่มีทางเลือกจึงจำเป็นต้องอยู่ หลังจากที่เข้ามาอยู่ ทั้งคู่ก็เริ่มรู้สึกแปลก ๆ กับบ้านหลังนี้ พวกเขาได้ยินเสียงฝีเท้าคน เสียงประหลาดจากอะไรก็ไม่รู้ได้ จนนำมาสู่เหตุการณ์สยองขวัญที่ตามมา

สิ่งที่น่าสนใจในเรื่อง His house

ถึงแม้ว่าว่าเรื่อง His house อาจจะไม่ค่อนได้รับความนิยมมากเท่าไหร่ แม้แต่คะแนนใน IMDB ก็ได้ไปเพียง 6.4 เท่านั้น แต่เราต้องบอกเลยว่า เรื่องนี้เป็นหนังที่หลอนใช้ได้เลย อย่างในเรื่องของบรรยากาศที่มีให้ความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะมุมหนึ่งของโลกกำลังร้อนเป็นไฟจากสงคราม ส่วนอีกมุมนึงก็สงบสุขราวกับเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยที่สุด อย่างตัวละครเอกของเรื่องอย่างรีอัลกับโบล ที่ย้ายเข้ามาอยู่ที่อังกฤษก็คิดว่ามันเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย แต่ว่าต้องมาเจอเรื่องที่ดูเหมือนจะร้ายแรงพอ ๆ กับสงคราม มันคือเรื่องของสิ่งที่มองไม่เห็น ฉะนั้น มันเลยเป็นความอึดอัดใจของตัวละครเอกที่ต้องเลือกระหว่าง 2 สิ่ง คือทนอยู่ในบ้านหลังนี้แต่ต้องเจอกับเรื่องประหลาดหรือกลับไปประเทศตัวเองแต่ต้องผจญกับสงคราม เป็นทางเลือกที่เรียกได้ว่า ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย เพราะไม่สามารถไปทางอื่นได้แล้ว

พูดถึงสิ่งที่ประทับใจไปแล้ว มาถึงสิ่งที่ไม่ค่อยประทับใจบ้างดีกว่า สิ่งที่ไม่ค่อยชอบสำหรับหนังเรื่อง คือ การกำกับและใส่ซาวด์ อย่างเรื่องของการกำกับ มันจะมีหลายฉากที่ผู้กำกับจงใจทำให้ตกใจตามสไตล์หนังสยองขวัญ แต่สำหรับเราคิดว่ามันไม่ค่อยถูกจังหวะ บวกกับการใส่ซาวด์ที่ยัดเหยียดใส่มาให้ดูหลอน แต่จังหวะการใส่มันผิดจังหวะกับเหตุการณ์ จนทำให้ดูตลกและไม่เกิดความรู้สึกน่ากลัวเลยสักนิด แต่มันกลับดูแล้วน่ารำคาญมากกว่า

ถ้าถามความรู้สึกของฉันต่อหนังเรื่อง His house ต้องขอบอกเลยว่า ดูได้ไม่เสียหาย เนื้อเรื่องน่าสนใจใช้ได้ แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่จะเป็นหนังดีขึ้นหิ้งขนาดนั้น

ตัวอย่างหนัง :

คะแนนรีวิว : 6/10

เครดิตภาพปกโดย playinone

#รีวิว His house #รีวิวหนัง Netflix #หนัง Netflix

[รีวิว] Holidate ภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดีที่ควรค่าแก่การดูในวันหยุด

ถ้าคุณเป็นคนนึงที่ชื่นชอบในหนังรักโรแมนติกคอมเมดี ถ้าคุณเป็นนึงที่เกลียดวันหยุด ถ้าคุณเป็นคนนึงที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตโสดอย่างอิสระ Holidate เป็นหนังที่เหมาะแก่การรับชมที่สุด

สำหรับหนังเรื่องนี้ เป็นหนังแนวโรแมนติกคอมเมดีที่สร้างโดย Netflix โดยผู้กำกับมากฝีมืออย่าง จอห์น ไวท์เซลส์ ที่ได้รับสรรค์ชิ้นงานนี้ขึ้นมาอย่างดี คำว่า Holidate เป็นการผสมคำกันระหว่างคำว่า Holiday ซึ่งหมายถึงวันหยุด ส่วนคำว่า Date แปลในที่นี้จะให้ความหมายว่า การออกเดท เพราะฉะนั้น แค่ชื่อก็สามารถตีความหมายได้แล้วว่า เรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องเดี่ยวกับการออกเดทในวันหยุด

เรื่องย่อ Holidate

Holidate เป็นเรื่องราวของสาวโสดคนหนึ่งชื่อว่า สโลน เธอเป็นสาวโสดที่เกลียดวันหยุดมาก เพราะเวลาที่เธอหยุดงาน แม่ของเธอมักจะจับเธอไปพบเจอกับผู้ชายคนนู้นทีคนนี้ที เพราะคงกลัวเธอขึ้นคาน ทำให้เธอไม่อยากมีวันหยุด จนวันหนึ่งสโลนได้ไปพบกับชายคนหนึ่งที่ไม่ชอบวันหยุดเหมือนกัน ทั้งคู่จึงตกลงเป็นแฟนกันชั่วคราว คือ ไม่ได้เป็นแฟนกันจริง ๆ แต่มีข้อตกลงกันว่าจะต้องมาออกเดทด้วยกันทุก ๆ วันหยุด

Holidate หนังรักที่คุณภาพคับจอ

จะว่าไป เส้นเรื่องนี้ก็ค่อนข้างแหวกแนวอยู่ไม่ใช่น้อย อย่างตัวละครเอกทั้งพระนางที่เกลียดวันหยุด ในขณะที่คนส่วนใหญ่ชื่นชอบวันหยุด ก็เลยต้องหาอะไรพิเลนทำอย่างให้พระเอกมาแกล้งเป็นแฟน แล้วนัดเจอกันเฉพาะวันหยุด แต่เราจะบอกว่าเป็นหนังที่ดูแล้วอมยิ้มได้ตลอดทั้งเรื่อง ด้วยพล็อตเรื่องที่เป็นแนวคอมเมดี้ แต่ว่าตัวเราไม่ได้นั่งขำกับมุขตลกในหนังเท่าไหร่ อาจจะเพราะไม่ค่อยอินกับคาแรกเตอร์นางเอกแนวนี้ แต่เป็นหนังที่ดูแล้วผ่อนคลาย มีมุมให้รู้สึกดีอยู่เป็นระยะ ในส่วนของนักแสดงที่รับบทเป็นสโลน (นางเอกของเรื่อง) ซึ่งคนที่มารับบทนี้คือ เอ็มม่า โรเบิร์ต ที่ต้องบอกเลยว่าเธอน่ารักมาก ส่วนลุค เบรซีย์ ก็หล่อละมุนมากเช่นกัน จริง ๆ แล้วหนังเรื่องนี้จะให้อารมณ์คล้าย ๆ กับดูเรื่อง Me before you อยู่ คือดูแล้วยิ้มตาม แต่ไม่ถึงกับขำมากนัก แต่เรื่องนี้ไม่ค่อยมีดรามาจัดเท่าไหร่ เหมาะแก่การดูคลายเครียดในช่วงวันหยุด สำหรับหนังเรื่องเราจึงขอให้คะแนนโดยรวมอยู่ที่  9/10

วิดีโอตัวอย่าง :

สำหรับใครที่อยากชม สามารถหาชมได้ทาง Netflix ซึ่งได้เข้าฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา และได้ขึ้นติดท็อป 10 หนังที่มีคนดูมากที่สุดประจำสัปดาห์อีกด้วย

#Holidate #รีวิวหนัง Netflix #หนังรักคุณภาพ

The Call จะเป็นอย่างไรหากโทรศัพท์ในบ้านคุณนั้นสามารถโทรหาคนในอดีตได้

ในยุคสมัยที่โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนยังไม่ได้รับความนิยมเท่าปัจจุบันนั้น สิ่งที่แทบทุกบ้านจะต้องมีนั่นก็คือโทรศัพท์บ้าน ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการติดต่อสื่อสารมากยิ่งขึ้น แต่จะเป็นอย่างไรหาโทรศัพท์ภายในบ้านของเรานั้นสามารถโทรกลับไปหาเจ้าของบ้านเดิมในอดีตเป็นเวลากว่า 20 ปีได้ และจะเป็นอย่างไรหากสิ่งที่เราได้ทราบนั้นไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องราวในอดีตเท่านั้นแต่มันยังนำทางเรื่องราวน่าประหลาดใจมาสู่เรามากมาย The Call เป็นภาพยนตร์สัญชาติเกาหลีที่จะนำเสนอเรื่องราวที่เรากล่าวมาทั้งหมดนี้ แต่แฝงไปด้วยความโหดร้ายและทารุณรวมไปถึงปริศนามากมาย

ภาพปกจาก : www.heavenofhorror.com/reviews/the-call-netflix-korean-horror/

เรื่องราวภายในภาพยนตร์เรื่อง The Call

www.monstersandcritics.com/movies/the-call-korean-movies-ending-explained/

            The Call จะเล่าถึงเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งที่มีชื่อว่าซอยอน เธอนั้นได้พบว่าโทรศัพท์บ้านของเธอสามารถโทรกลับไปในอดีตกว่า 20 ปีได้ ทำให้เธอนั้นได้คุยกับผู้อยู่อาศัยในบ้านหลังนี้ในอดีตเป็นหญิงสาวซึ่งเป็นลูกสาวของเจ้าของบ้านที่มีชื่อว่ายองซุก เธอนั้นเป็นเด็กสาวที่ดูอ่อนแอและน่าสงสาร ทำให้ซอฮยอนตัดสินใจที่จะช่วยเหลือเธอในการแก้ไขอดีต แต่ยิ่งเธอโพสต์พันกับเรื่องราวเหล่านี้มากขึ้นเท่าไหร่เธอก็กลับพบว่ายองซุกนั้นผิดปกติ และอาจจะไม่ได้น่าสงสารและอ่อนแออย่างที่เธอคิด ด้วยความที่ถลำลึกจนยากที่จะถอนตัวทำให้เธอนั้นต้องจมลงไปกับปริศนาและเรื่องราวน่าประหลาดใจมากมายที่จะเกิดขึ้นกับเธอหลังจากนี้

ความน่าสนใจในภาพยนตร์เรื่อง The Call

https://www.patsonic.com/movie/review-the-call-netflix/

The Call | Official Trailer | Netflix [ENG SUB]

            The Call เป็นภาพยนตร์ที่ได้นางเอกชื่อดังอย่างปาร์คชินฮเยมารับบทนำ ไม่เพียงแต่ความสามารถในการแสดงของเธอเท่านั้นที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าสนใจ แต่ยังรวมไปถึงบทบาทตัวละครเอกของเธออีกด้วย เพราะปกติแล้วภาพยนตร์แนวทริลเลอร์นั้นจะเต็มไปด้วยความไม่สมเหตุสมผลเน้นไปในเรื่องของความสยองขวัญและความโหดร้าย แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เป็นอย่างนั้น บทบาทของเธอนั้นมีมิติและเข้มแข็ง ไม่ใช่เหยื่อที่สามารถรอดมาได้เพราะโชคช่วย แต่ก็ไม่ได้เก่งกาจเกินไปกว่ามนุษย์ทั่วไป เป็นตัวละครที่น่าเอาใจช่วยเป็นอย่างมาก ส่วนคนที่มารับบทเป็นยองซุกนั้นก็คือจอนจงซอ แม้ว่าจะหายไปจากวงการอยู่พักหนึ่งแต่การกลับมาในครั้งนี้ก็เป็นการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ เพราะบทบาทที่เธอได้รับนั้นเป็นบทบาทที่ค่อนข้างยาก เนื่องจากตัวละครยองซุกนั้นมีความผิดปกติทางจิตที่ทำให้เธอนั้นดูน่ากลัว แต่ก็อ่อนแอและเปราะบางราวกับแก้ว เป็นความขัดแย้งกันที่จะต้องใช้ฝีมือในการนำเสนอเพื่อให้สามารถแสดงบทบาทออกมาได้อย่างสมจริงมากที่สุด

#The Call #หนัง Netflix แนะนำ #รีวิวหนัง Netflix