• Home
  • Tag: หนังรางวัล

ภาพยนตร์ Call me by your name

เป็นหนังรักโรแมนติก รักร่วมเพศระหว่างชายหนุ่มสองคน คนหนึ่งเป็นชาวอเมริกัน ส่วนอีกคนเป็นชาวอิตาเลี่ยน ทั้งสองได้พบเจอกัน เนื่องจากชายหนุ่มชาวอเมริกัน ชื่อ โอลิเวอร์ เดินทางมาที่ประเทศอิตาลี เพื่อเรียนรู้เรื่องโบราณคดี และมาช่วยเหลือพ่อของ เอลิโอ เด็กหนุ่มชาวอิตาลี ในเรื่องของงานเอกสาร โดยทั้งสองค่อนข้างจะมีความแตกต่างในเรื่องวัฒนธรรมและการใช้ชีวิตประมาณหนึ่ง โดยตัวของเอลิโอในวัย 17 ปีนั้น ชอบที่จะออกไปเที่ยว ขี่จักรยาน เล่นวอลเล่ย์บอลริมชายหาด ว่ายน้ำ เล่นเปียโน แต่งเพลงในหน้าร้อน ตามภาษาของชาวอิตาลี ซึ่งโอลิเวอร์ ในวัย 24 ปีนั้น ก็พยายามปรับตัว ซึ่งในช่วงแรกนั้นก็ได้เอลิโอช่วยในการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก ทั้งคู่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น จึงเป็นจุดเริ่มต้นในความสัมพันธ์ดีๆ ที่ตามมา

เครดิตภาพปกจาก : https://bingepost.com/call-me-by-your-name-sequel-will-see-timothee-chalamet-armie-hammer-return/86553/

โดยประโยค Call me by your name นั้น ได้สื่อไปถึงความสัมพันธ์ที่ชายหนุ่มสองคนมีความผูกพันซึ่งกันและกัน อยากเป็นของกันและกัน และด้วยการเรียกชื่อของตนแทนอีกฝ่ายนั้น สื่อถึงความอยากเป็นเจ้าของกันและกัน โดยการยกชื่อของตนเองให้คนที่ตนรักได้ใช้ นับเป็นประโยคที่สวยงามและทรงพลังมากเลยทีเดียว

แนวคิดการใช้ชีวิตจาก Call me by your name

เครดิตภาพจาก : https://www.bostonglobe.com/opinion/2018/01/25/call-your-name-dishonest-dangerous-film/I7urrCBxwZYrfPTT7eycdM/story.html

                  Call me by your name เป็นเหมือนบทกวีที่หลุดอออกมาจากในหนังสือ ทั้งบทสนทนา และภาพที่สวยราวกับเทพนิยายนั้น ทำให้ผู้ชมภาพยนตร์นั้น รู้สึกราวกับว่าอ่านหนังสือวรรณกรรมที่ดีที่สุดเล่มหนึ่งอยู่ และไม่เพียงแค่ภาพที่สวยงามเท่านั้น ความหมายและข้อคิด รวมไปถึงแนวทางในการใช้ชีวิตก็มีอยู่มากเช่นกัน

1. คำพูดเป็นเพียงแค่ลมปาก

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หรือได้ยินสิ่งใดมา การใช้วิจารณญาณและ

2. ประวัติศาสตร์ เป็นสิ่งที่ทำให้เราได้เรียนรู้ เพื่อเติบโต

เมืองทางเหนือของอิตาลี ซึ่งเป็นเมืองที่ได้มีการสร้างอนุสรณ์สถานไว้หลายแห่ง ซึ่งสถานที่เหล่านี้ ทำให้มนุษย์ได้ตระหนักว่า สิ่งที่เกิดนั้นได้ส่งผลอะไรบ้าง หากผิด ก็เป็นสิ่งเตือนสติให้เราไม่ทำสิ่งที่ไม่ดีซ้ำสอง

3. บทกวีเป็นสิ่งสวยงาม

แม้ชีวิตจะเป็นเช่นไร บทกวีก็สามารถเยียวยาสิ่งที่ติดค้างอยู่ในจิตใจของเราได้เสมอ บทกวีถ่ายทอดได้ถึงอารมณ์ และความรู้สึก ณ ขณะนั้น ทำให้เรารู้และเข้าใจซึ้งถึงการมีอยู่ของชีวิต

4. พ่อและแม่เป็นบุคคลที่จะคอยอยู่เคียงข้างเราตลอดไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

ไม่ว่าจะทุกข์หรือจะสุข พ่อและแม่จะเป็นบุคคลที่คอยอยู่เคียงข้างเราเสมอ ดังนั้นอย่าละเลยในการปรนนิบัติดูแลท่านยามที่ยังมีโอกาส

5. ไม่มีสิ่งใดจีรังยั่งยืน ความรักก็เช่นกัน

รักในวัยรุ่นเป็นรักที่ไม่ควรให้ความคาดหวังมากเกินไป เพราะต่างคนต่างมีทัศนคติที่แตกต่างกัน ต้องอาศัยประสบการณ์และการปรับตัวเข้าหากันเป็นจุดตัดสินใจในการครองรักคู่กัน หรือแม้กระทั่งในวัยผู้ใหญ่ก็ตาม

6. ความรักไม่มีผิดมีถูก อยู่ที่ว่าถูกคนและถูกเวลาหรือไม่

ไม่ว่าจะเป็นรักข้ามเพศหรือรักในสถานะอะไรก็ตาม หากถูกที่ถูกเวลา จะไม่มีเหตุผลอะไรมาหยุดความรักนั้นได้เลย

 เครดิตภาพ : https://www.kqed.org/arts/13817260/call-me-by-your-name-luca-guadagnino

Call me by your name เป็นภาพยนตร์ที่ได้รางวัลออสการ์มากมาย ทั้งด้านการเขียนบท และภาพ ซึ่งได้รับการวิจารณ์ว่าเป็นภาพยนตร์ที่มีความสวยงามและทุกอย่างลงตัว ราวกับบทกวีที่ดีหนึ่งเล่มเลยทีเดียว

วิดีโอตัวอย่างหนัง :

Call Me By Your Name | Official Trailer HD (2017)

#Call me by your name #ภาพยนตร์ออสการ์ #หนังรางวัล

1917 ภาพยนตร์เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ถ่ายทำแบบ Long Take

             ปกติแล้วเรามักจะพบเห็นภาพยนตร์ที่ถ่ายแบบ Long Take ในภาพยนตร์แนวอื่นๆ ที่ไม่ใช่แนวสงคราม นั่นก็เป็นเพราะว่าภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับสงครามนั้น ในหนึ่งฉากจะมีองค์ประกอบมากมายและทุกอย่างนั้นคือต้นทุน มันคงไม่คุ้มแน่หากเราจะระเบิดภูเขาเผากระท่อมหลายๆ รอบเพื่อให้การถ่ายทำแบบ Long Take ออกมาสมบูรณ์แบบมากที่สุด การที่ 1917 เลือกที่จะถ่ายทำหลายๆ ฉากแบบ Long Take โดยที่แทบจะไม่ใช้การตัดต่อช่วยนั้นถือเป็นความทะเยอทะยานเป็นอย่างมากของผู้กำกับฝีมือดีจากอังกฤษอย่างแซม เมนเดส ผู้ที่เคยครองรางวัลออสการ์มาแล้วหลากหลายครั้ง ในครั้งนี้นเขาเลือกที่จะหยิบยกเอาเหตุการณ์ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งมาบอกเล่าผ่านมุมมองและการเล่าเรื่องของปู่แท้ๆ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยได้เข้าร่วมรบในสมรภูมิดังกล่าวนี้มาก่อน ทำให้เรื่องราวที่เราจะได้เห็นนั้นมีความค่อนข้างสมจริง และเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 1 นั้นไม่ค่อยมีคนหยิบยกมาเล่าเหมือนสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก

ขอบคุณภาพปกจาก : www.adventuredrivein.co.uk

เรื่องราวภายในภาพยนตร์เรื่อง 1917 

www.amazon.com/1917-George-MacKay

1917 – Official Trailer

            1917 นั้นจะเล่าถึงเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 1 ในสมรภูมิรบประเทศฝรั่งเศสที่เยอรมันกับอังกฤษนั้นกำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด ทำให้สมรภูมิแห่งนี้เต็มไปด้วยทหารของทั้งสองฝั่งเป็นจำนวนมาก กลา ยเป็นพื้นที่อันตรายที่ใครเข้าไปก็มีโอกาสน้อยที่จะได้รอดชีวิตออกมา แต่สคฟังเพลงอฟิลด์และเบลกกลับได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติภารกิจในการส่งสารที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากและข้อมูลนี้อาจจะช่วยชีวิตทหารร่วมชาตินับพันคนให้สามารถรอดพ้นจากกับดักของกองทัพเยอรมันได้ แต่พวกเขานั้นจะต้องใช้เส้นทางที่ข้ามเขตแดนของศัตรูเพื่อให้เดินทางไปส่งสารได้รวดเร็วมากที่สุด  สคอฟิลด์นั้นเดิมทีเป็นคนที่เคยได้รับเหรียญกล้าหาญมาก่อนแต่ก็ไม่ได้มองเห็นความสำคัญถึงขั้นที่นำมันไปแลกกับอาหาร เขามองว่าสิ่งที่มีค่าในชีวิตของเขาก็คือการได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแต่มันกลับเป็นเรื่องยากเนื่องจากเขานั้นได้รับภารกิจดังกล่าว ส่วนเพื่อนทหารที่มีชื่อว่าเบลกนั้นเป็นชายหนุ่มที่อ่อนประสบการณ์ในการร่วมสงคราม เขามองว่าสิ่งที่กำลังทำนั้นเป็นเพียงวีรกรรมที่จะสามารถเอาไปคุยโม้โอ้อวดได้เมื่อมีชีวิตรอดกลับไปถึงบ้าน นั่นเป็นเพราะว่าเขาเป็นเพียงแค่ทหารที่อยู่ในแนวหลังของสนามรบเท่านั้นจึงไม่เคยรู้ว่าจุดปะทะแนวหน้าน่ากลัวแค่ไหน และมันยังทำให้เขาประเมินสถานการณ์ผิดอีกด้วย

เหตุใดผู้กำกับจึงเลือกใช้เทคนิค Long Take ในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง 1917

https://www.vulture.com/2020/01/1917-movie-ending-explained.html

‘1917’ Behind-the-scenes Extended Featurette on One Long Shot

            ตามที่ได้อธิบายไว้ข้างต้นว่าเทคนิคการถ่ายทำภาพยนตร์แบบ Long Take นั้น คือการถ่ายภาพตั้งแต่ต้นจนจบเป็นก้อนเดียวโดยไม่ใช้เทคนิคของการตัดต่อเข้ามาช่วย ซึ่งภาพยนตร์ที่ถ่ายทำด้วยเทคนิคนี้จะมีจำนวนคัตที่น้อยแล้วนำมาต่อกันจนกลายเป็นเรื่องราว ความยากของงานทำให้การถ่ายทำแบบนี้ไม่ค่อยปรากฏในภาพยนตร์สงครามเท่าไหร่นัก เพราะเป็นภาพยนตร์ที่มีองค์ประกอบของงานภาพค่อนข้างเยอะและมีรายละเอียดหลายจุดในแต่ละฉาก หากใครสักคนทำพลาดก็จะต้องเริ่มถ่ายใหม่ทั้งหมด แต่ด้วยความที่ 1917 เป็นภาพยนตร์ที่อยู่ในสงครามก็จริงแต่ตัวละครเอกนั้นเป็นคนส่งสารดังนั้นมันจึงสามารถถ่ายทางด้วยเทคนิคดังกล่าวนี้ได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งการถ่ายทำด้วยเทคนิคมีก็จะช่วยให้แต่ละฉากนั้นมีความสมจริงมากยิ่งขึ้นและนักแสดงเข้าถึงอารมณ์ในบทบาทได้มากกว่า

#1917 #หนัง Long Take #หนังสงคราม #หนังรางวัล

รีวิวหนัง Netflix : เศษเสี้ยวหัวใจหญิง Pieces of a Woman หนังดราม่า สายรางวัล

สำหรับช่วงนี้หลายๆคนอาจจะมองว่าไม่ค่อยมี หนังดราม่า บน Netflix ให้ดูเท่าไร บทความนี้จึงขอแนะนำ หนังดราม่าสายรางวัล อย่าง เศษเสี้ยวหัวใจหญิง Pieces of a Woman ซึ่งเป็นหนังที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ของความเป็นผู้หญิง เป็นอีก หนังแนะนำบนเน็ตฟลิกซ์ ที่อยากให้ดูกัน เพราะว่าเรื่องนี้บอกเลยว่าไม่ธรรมดา ในแง่ของการแสดง เป็นอะไรที่คุณควรต้องดูมากๆ

เรื่องย่อ หนัง Netflix เศษเสี้ยวหัวใจหญิง (Pieces of a Woman)

เป็นเรื่องราวของมาร์ธาที่ต้องการมีลูก และครอบครัวที่สมบูรณ์ แต่แล้วในวันที่เธอคลอดลูก เธอกับเสียลูกของเธอไป ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของการแตกร้าวของครอบครัว ปัญหาต่างๆที่เธอต้องแบกรับไว้ ครอบครัวเริ่มไม่ใช่พื้นที่ๆเธอรู้สึกว่าปลอดภัยทางจิตใจอีกต่อไป เธอจะต้องเดินหน้าต่อไป รวมไปถึงการต่อสู้ในชั้นศาลที่ทำให้เธอต้องเผชิญกับเรื่องราวที่ยากเกินจะรับมือไหว

ตัวอย่างหนัง

https://www.youtube.com/watch?v=2eWAu30CE9U&feature=emb_title

เศษเสี้ยวหัวใจหญิง (Pieces of a Woman) หนังดราม่า คุณภาพดี

สำหรับเรื่องนี้พล็อตเรื่องอาจจะไม่ได้แปลกใหม่อะไรมาก แต่ที่ต้องขอชื่นชมเลยก็คือวิธีการเล่าเรื่องของเรื่องนี้ ที่คุมโทนสีออกมาได้อย่างน่าประทับใจ บีบเค้นอารมณ์ของเราไปกับความดราม่า จากตัวอย่างหลายๆคนอาจจะตัดสินว่าหนังเรื่องนี้จะน่าเบื่อหรือเปล่า อาจจะใช่ในแง่ของความที่ไม่ได้มีอะไรใหม่ในเรื่องนี้ แต่ต้องของบอกเลยว่าในแง่ของการแสดง นักแสดงแต่ละคนปล่อยของออกมาแบบเต็มที่ โดยเฉพาะนางเอกของเราที่เล่นได้เข้าถึงบทบาท โดยเฉพาะตอนคลอดลูก ที่ตัวหนังไม่ข้ามขั้นเลย เราจะได้เห็นสภาวะอารมณ์ของตัวละครได้ตั้งแต่ต้นจนจบ

ซีนอารมณ์ของนักแสดง เศษเสี้ยวหัวใจหญิง (Pieces of a Woman)

ที่ต้องขอชมเชย ไม่ใช่แค่นางเอกของเรื่อง พระเอกของเราที่เป็นสามีเองก็ทำได้ดีมากเช่นกัน เป็นการแสดงอารมณ์สีหน้าได้อย่างทรงพลัง ทั้งๆที่บทของเขาก็ไม่ได้มีมากไปกว่านางเอก แต่กลับแสดงออกมาได้ดีอย่างเหลือเชื่อ และสำหรับคนที่ได้ดูก็จะต้องประทับใจในการแสดงของแม่นางเอกที่พยายามจะปลอบลูกของตัวเองด้วยเช่นเดียวกัน สรุปรวมก็คือ หนังดราม่า เรื่องนี้ควรค่าแก่การไปดูนักแสดงแต่ละคนว่าปล่อยของออกมาได้น่ากลัวแค่ไหน เพราะว่าพล็อตเรื่องดูไม่มีอะไรเลย แต่หนังเรื่องนี้กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางห้วงอารมณ์ที่พิเศษกว่าเรื่องไหนๆ ถ้าเป็นไปได้ หนังเรื่องนี้เป็น หนัง Netflix ที่คุณไม่ควรจะมองข้ามอีกเรื่อง สำหรับคอหนังสายรางวัล คุณจะต้องประทับใจทุกวินาทีเลยทีเดียว

#Pieces of a Woman #หนังดราม่า #หนังรางวัล #รีวิวหนัง Netflix

รีวิวหนังเรื่อง No country for oldmen

ขอบคุณรูปภาพจาก fallsdownz.blogspot.com

สำหรับหนังเรื่อง no country for old men เป็นหนังของผู้กำกับพี่น้องตระกูล โคเอน นั่นก็คือ โจเอล เดวิด โคเอน กับ อีธาน เจสซี่โคเอน พวกเขาทั้งสองเรียกได้ว่า เป็นยอดผู้กำกับหนังสายรางวัล และหนังเรื่องนี้ก็สามารถเข้าชิงรางวัลออสการ์ได้ถึง 8 สาขา และคว้ารางวัลมาได้ถึง 4 รางวัล จากเวทีออสการ์ อันได้แก่ รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี ผู้กำกับยอดเยี่ยม บทดัดแปลงยอดเยี่ยม ดาราสมทบชายยอดเยี่ยม เรียกได้ว่าการันตีได้เลยว่าหนังเรื่องนี้จะเจ๋งแค่ไหน สำหรับใครที่กำลังมองหาหนังคุณภาพสักเรื่อง สำหรับการเสพความบันเทิงที่สนุกและได้ดูผลงานคุณภาพแล้วล่ะก็ บอกได้เลยว่าห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง

ขอบคุณรูปภาพจากเว็บ lovedesigner.net

เนื้อเรื่องของหนัง no country for old men

หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องราวการตามล่าเงินที่หายไปจากการหักหลังกันของคนสองกลุ่ม โดยได้ทิ้งกระเป๋าเงินหนึ่งใบพร้อมกับเงินจำนวนมากเอาไว้ แล้วบังเอิญว่ามีชายคนนึงที่ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย ได้ทำการขโมยกระเป๋าเงินนั้นไป การตามล่าจากคนของกลุ่มหนึ่งในนั้นเพื่อนำกระเป๋าเงินนั้นคืนจึงได้เกิดขึ้น โดยการส่งนักฆ่าที่เรียกได้ว่าเลือดเย็น และโหดเหี้ยม เพื่อมาตามล่าเอากระเป๋าเงินนั้นคืน และบทสรุปของเรื่องจะเป็นอย่างไร ท่านต้องพิสูจน์มันด้วยตัวท่านเองครับ สำหรับหนังเรื่องนี้ no country for old men

นักแสดงของหนังเรื่อง no country for old men

แค่การคว้ารางวัลออสการ์ดาราสมทบชายยอดเยี่ยมก็การันตีแล้วว่า หนังเรื่องนี้ นักแสดงมีคุณภาพมากขนาดไหน และเรียกได้ว่าจุดขายของหนังเรื่องนี้อีกอย่างหนึ่งก็คือตัวนักแสดง โดยมาเริ่มกันที่ นักแสดงที่ได้รางวัลออสการ์ดาราสมทบชายยอดเยี่ยมของหนังเรื่องนี้ก็คือ ฮาเวียร์ บาร์เด็ม ผู้สวมบทนักฆ่าผู้เหี้ยมโหด และโคตรโรคจิต ได้อย่างสมบทบาท แค่เห็นหน้าในแต่ละฉากก็รับรู้ถึงพลังการแสดงของเขาที่ทำให้เราต้องหวาดกลัวไปด้วย และดาราที่สวมบทนักแสดงนำของเรื่องอย่าง จอช โบรลิน ก็ต้องบอกเลยว่าเป็นนักแสดงที่มีความสามารถไม่แพ้กัน เขาเป็นดาราอีกคนหนึ่งในวงการหนังฮอลลีวูด ที่ต้องยอมรับว่าเป็นแถวหน้าในเรื่องของฝีมือการแสดง

และหนังเรื่องนี้เขาก็สวมบทบาทได้เป็นอย่างดี และอีกหนึ่งท่านที่ไม่พูดถึงไม่ได้ สำหรับหนังเรื่อง no country for old men นี้ ก็คือผู้รับบทเป็นนายอำเภอที่คอยตามสืบคดี เขาผู้นั้นคือ ทอมมี่ ลี โจนส์  นักแสดงที่การันตีด้วยรางวัลออสการ์ ดาราสมทบชายยอดเยี่ยมจากหนังเรื่อง The Fugitive ในปี 1993 หากอยากชมฝีมือการแสดงเจ๋ง ๆ จากยอดฝีมือ ก็บอกเลยครับว่าห้ามพลาดกับหนังเรื่องนี้

#no country for old men #หนังรางวัล #หนังดราม่าแอคชั่น